srikho tv

ข่าวสาร ทั่วไป และวัฒนธรรมท้องถิ่น ประเพณี

วันศุกร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2567

งานวันเด็กแห่งชาติ ของเทศบาลตำบลศีขรภูมิ ประจำปี 2567

 









งานวันเด็กแห่งชาติ ของเทศบาลตำบลศีขรภูมิ ประจำปี 2567                             วันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2567 เวลา 08.30 นายพัฒนา  พึ่งผล  ปลัดอาวุโสศีขรภูมื(รักษาการแทนนายอำเภอศีขรภูมิ) เป็นประธานเปิดงานวันเด็ก  มีนายทวีทรัพย์ โล้เจริญรัตน์ นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลศีขรภูมิ พร้อมด้วย สมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ  คณะครูนักเรียนผู้ปกครอง เข้าร่วมในบริเวณงาน และให้เด็กๆลงทะเบียนรับฉลากหมายเลขเพื่อจับรางวัล ในงานวันเด็ก โดยมีรางวัลจากผู้ใหญ่ใจดี หลายคนและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจร่วมกิจกรรมมอบขนมและตุ๊กตาเป็นของขวัญให้กับเด็กๆจำนวนมาก ในงาน มี น.ส.สูงสุด คุ้มภัย ท้องถิ่นอำเภอศีขรภูมืใส่ชุดนักเรียนเพื่อสร้างสีสันในงาน ให้กับเด็กๆและผู้ปกครอง และ มีการแสดงสำหรับเด็ก ปฐมวัย 3-5-ปี นำโดย ครูชำนาญการฝึกสอนเด็กท่าเต้น และการแสดงของเด็กโตระดับประถม-ม.ต้น สร้างรอยยิ้ม ให้เด็กๆและผู้ปกครอง ที่อุ้มลูกจูงหลานมางานวันเด็กในปีนี้ จัดยิ่งใหญ่กว่าทุกปี นายทวีทรัพย์ โล้จริญรัตน์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลศีขรภูมิ ตั้งใจเพื่อจะมอบความสุขและของรางวัลเป็นของขวัญให้แก่เด็กๆนักเรียนในวันนี้  ทั้งในเขตเทศบาลและตำบลที่ใก้ลเคียงที่มาร่วมงานวันเด็ก สร้างความประทับใจทั้งรอยยิ้มและอิ่มท้องเพื่อให้เด็กๆได้เล่นของเล่นและวาดภาพสี แจกขนม แจกไอศครีมและอาหารเครื่องดื่มให้กับเด็กๆ สร้างรอยยิ้มทั้งคนให้และคนรับ




























วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2567

นายกิติชัย เกตุวงษา ท้องถิ่นจังหวัดสุรินทร์ ประธานเปิดงานวันเด๋กของ. อบต.ตรึม อ.ศีขรภูมิ

 






















วันเด็กแห่งชาติ ของ อบต. ตรึม ประจำปีงบประมาณ 2567

  วันที่ 12 มกราคม 2567  ณ. องค์การบริหารส่วนตำบลตรึม อำเภอศีขรภูมิจังหวัดสุรินทร์  โดยมีนาย

กิติชัย เกตุวงษา ท้องถิ่นจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดงานวันเด็กแห่งชาติของ อบต.ตรึม มีนายประพงษ์ศักดิ์ วงศ์อนุ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตรึม กล่าวรายงาน

 องค์การบริหารส่วนตำบลตึง ได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็กเยาวชน ซึ่งถือว่าเป็น ทรัพยากรบุคคล ที่สำคัญยิ่งต่อประเทศชาติ ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการ พัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญ ก้าวหน้า และมั่นคงสืบไป เด็กก็ควรเตรียมตัวที่จะเป็นกำลังของชาติ ขยันมั่นศึกษา หาความรู้ และใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ เด็กวัยเรียนในระดับอนุบาลถึงประถมศึกษา เป็นวัยที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโตและพัฒนาการอย่างเต็มที่จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ได้รับ การดูแลเอาใจใส่ เตรียมความพร้อมในทุกๆด้าน เพื่อจะได้มีคุณภาพทางด้านร่างกายจิตใจ อารมณ์ สังคม สติปัญญาและจริยธรรม ศีลธรรม องค์การบริหารส่วนตำบลตรึมจึงได้ดำเนินการ โครงการส่งเสริมศักยภาพการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนใน ตำบลตรึมประจำปีงบประมาณ 2567

โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้

1  เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้รับการ ส่งเสริมกิจกรรม ที่เป็นประโยชน์ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง ที่ไม่เหมาะสม มีกิจกรรมการแสดงออกของเด็กและเยาวชนอย่างสร้างสรรค์

2.  เพื่อให้เด็กและเยาวชนปรับเปลี่ยนทัศนคติความคิดส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็ก ในรูปแบบต่างๆเพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตให้กับเด็ก

3.  เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชน และครอบครัวมีพื้นที่ในการทำกิจกรรมร่วมกัน

4.  เพื่อให้เด็กและเยาวชน ยึดมั่นในสถาบันชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันทรงมีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุข

 5.  เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนและครอบครัว เป็นพลังในการสร้างตำบล น่าอยู่สำหรับ เด็กและเยาวชน

    กิจกรรมที่จัดประกอบด้วย กิจกรรมดังนี้

1.  ประกวดจัดซุ้มนิทรรศการ

2.  ประกวดร้องเพลง

3.  กิจกรรมการแสดงของนักเรียนในเขตตำบลตรึม

บัดนี้ได้เวลาอันสมควร ผมขอเรียนเชิญท่านประธานได้ให้โอวาทและได้กล่าวเปิดงาน โครงการส่งเสริมสุขภาพ การเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนในตำบลตรึม ของวันเด็กประจำปีงบประมาณ 2567



วันพุธที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2567

ตม.สุรินทร์ จับกุมชาวออสซี่ อยู่ในประเทศไทย เกินกำหนด อนุญาต

 





ตม.จว.สุรินทร์ จับกุมชาวออสซี่อยู่ในไทยเกินอนุญาต 1,042 วัน

ภายใต้นโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.  พล.ต.ท.พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย  ผบช.สตม.พล.ต.ต.ปิยะอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผบก.ตม.4  พ.ต.อ.สิทธิ์ ศิริกังวาลกุล  พ.ต.อ.มณุวัฒน์ กอสนาน รอง ผบก.ตม.4 ให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรมและการกระทำผิดกฎหมาย 

วันที่ 10 ม.ค.2567 เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. พ.ต.อ.ธนวัฒน์ พูลสวัสดิ์ ผกก.ตม.จว.สุรินทร์ สั่งการให้เจ้าหน้าที่งานสืบสวนปราบปราม ตม.จว.สุรินทร์ ทำการสืบสวน ป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวเนื่องในพื้นที่รับผิดชอบ ได้ตรวจพบ MR.TURHAN CATAK อายุ 55 ปี สัญชาติออสเตรเลียน (ทราบภายหลัง)  ที่บริเวณศาลาที่พักผู้โดยสาร ใกล้สามแยกบ้านหินโคน ต.โคกตะเคียน อ.กาบเชิง จว.สุรินทร์    จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า MR.TURHAN CATAK เดินทางเข้ามาในประเทศไทยครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 โดยได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อในประเทศไทยต่อเนื่องเรื่อยมาด้วยเหตุผล สถานการณ์โรคติดต่อร้ายแรงเชื้อโควิด-19  ซึ่งมีการปิดประเทศในช่วงเวลานั้น โดยได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยถึงวันที่ 4 มีนาคม 2564 เมื่อครบกำหนดแล้วไม่ได้เดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรแต่ยังคงอยู่ในประเทศไทยต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้เป็นเวลา 1,042 วัน

 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งให้ MR.TURHAN CATAK ทราบว่า การกระทำดังกล่าวนี้เป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522  โดยกล่าวหาว่า เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ก่อนที่จะทำบันทึกจับกุมและควบคุมตัวนำส่ง พงส. สภ.กาบเชิง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

   เมื่อคดีสิ้นสุดแล้วจะต้องถูกผลักดันออกนอกราชอาณาจักร เเละขึ้นบัญชีต้องห้ามเข้าราชอาณาจักรเป็นระยะเวลา10 ปี 

วันศุกร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2567

อำเภอบัวเชด ขับเคลื่อนตำบลเข้มแข็ง ตามหลักปรัชญาและ เศรษฐกิจพอเพียง

 












อำเภอบัวเขด ขับเคลื่อนตำบลเข้มแข็ง ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง วันที่ 5 .มกราคม. 6 7 09:00 น ที่ศาลากลางหมู่บ้าน จบก ตำบลตาวัง อำเภอบัวเชดจังหวัดสุรินทร์

นายสมชาย วงศ์จริยะเกษม นายอำเภอบัวเชด มาเป็นประธาน บันทึกข้อตกลง 7 ภาคีเครือข่าย เรื่อง การขับเคลื่อนตำบลเข้มแข็ง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และกระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่

รับผิดชอบในการ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข" ของประชาชน โดยขับเคลื่อนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน ภายใต้

แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุวิสัยทัศน์ "ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศ

พัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง"

อำเภอบัวเขด จังหวัดสุรินทร์ มีภารกิจในการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้และการมีส่วนร่วม

ของประชาชน ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานรากให้มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ รวมทั้งเสริมสร้าง

ความสามารถ และควาพมเข้มแข็งของชุมชน สนับสนุนและพัฒนาระบบสารสนเทศชุมชนให้คนในชุมชนมีงาน มีอาชีพ

มีรายได้ และคุณภาท ชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผ่านการบูรณาการความร่วมมือ

จากทุกภาคส่วนในพื้นที่ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ที่เป็นรูปธรรมและสามารถตอบสนองการแก้ไขปัญหาและ

ความต้องการของประชาชน โดยใช้พื้นที่ตำบลเป็นฐานการพัฒนา ภายใต้กลไกเครือข่ายผู้นำการเปลี่ยนแปลง

ระดับตำบล และกลไก 7 ภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมาย

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ จึงขอประกาศเจตนารมณ์

ในการขับเคลื่อน ตำบลดาวัง เพื่อพัฒนาให้เป็น "ตำบลเข้มแข็ง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ให้มี

ขีดความสามารถในการบริหารจัดการดำบลสู่ตำบลจัดการตนเองที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ผู้นำ กลุ่ม องค์กร

ภาคีเครือข่าย และประชาชนได้เรียนรู้และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิต และ

นำมาปรับใช้ในการขับเคลื่อนตำบลข้มแข็ง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ให้มีความเข้มแข็งใน 3 มิติ คือ

มิติที่ ㆍ ด้านความมั่นคง : ตำบลมีความสามารถในการบริหารจัดการตำบล มีความมั่นคงทางด้านอาหาร

ประชาชนมีรายได้ที่มั่นคง และอยู่ร่วมกันอย่างรู้รัก สามัคคี เกื้อกูล ประชาชนมีส่วนร่วมตามหลักประชาธิปไดย

มีระบบติดตามแก้ไขปัญหาของตำบล และพมีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

มิติที่ _ ด้านความมั่นคั่ง : ตำบสมีการผลิต การจำหน่าย และการบริโภค ที่ใช้ทุนชุมชนในการเสริมสร้าง

เศรษฐกิจชุมชน มีการสร้างโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนชุมชนที่มีธรรมาภิบาล

และมีกลุ่มหรือเครือข่ายด้านเศรษฐกิจชุมชนที่เข้มแข็ง

มิติที่ 3 ด้านความยั่งยืน : ประชาชนในตำบลน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ

จนเป็นวิถี มีสุขภาพที่ดี มีการเรียนรู้เพื่อการพึ่งตนเอง มีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ ในการขับเคลื่อนตำบลเข้มแข็ง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จะสัมฤทธิ์ ผล

เป็นรูปธรรมจะต้องเติมเต็มในส่วนที่ประชาชนขาด โดยอาศัยกลไกทุกภาคส่วนในการบูรณาการการขับเคลื่อน

ตำบลเข้มแข็ง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ชุมชนมีศักยภาพในการบริหารจัดการและพัฒนาตนเอง

สู่ความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง คนในชุมขนมีงาน มีอาชีพ มีรายได้ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ด้วยหลักปรัชญาของเศรษกิจพอเพียง จึงขอประกาศให้การขับเคลื่อนตำบลเข้มแข็ง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

เป็น "วาระอำเภอ" ที่จะต้องดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมและสามารถตอบสนองการแก้ไขปัญหา

และความต้องการของประชาชน ได้อย่างแท้จริง




วันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2567

รองเลขาธิการนายก รัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อเร่งรัดแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องชาวจังหวัดสุรินทร์









 รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สุรินทร์ เร่งรัดแก้ปัญหาที่สาธารณะทับซ้อนที่ดินทำกิน และแหล่งน้ำในจังหวัดสุรินทร์ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาท้องถิ่นสุรินทร์


นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ เพื่อตรวจสอบเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาที่ดินทำกินของประชาชน และการบริหารจัดการน้ำภายในจังหวัดสุรินทร์ ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาก การเดินทางมาครั้งนี้ ตนได้รับมอบหมายจากรองนายกภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ให้ลงมารับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนโดยตรงและเร่งรัดการดำเนินการแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งนี้ในพื้นที่ตำบลบ้านแร่ อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ พบปัญหาเรื่องที่ดินทำกินของราษฎรทับซ้อนกับที่สาธารณะที่ประกาศเป็นทําเลเลี้ยงสัตว์บ้านบึง พื้นที่ประมาณ 900 ไร่ ส่งผลให้การออกเอกสารสิทธิให้พี่น้องปนะชาชนไม่สามารถทำได้ ทั้งที่กายภาพตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันเป็นที่นามายาวนานหลายสิบปี ไม่ได้ถูกใช้เพื่อการสาธารณะอย่างที่มีประกาศไว้ 


นายชนินทร์กล่าวว่า จากการประชุมหารือร่วมกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุรินทร์ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลบ้านแร่ และผู้แทนหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เล็งเห็นปัญหาลักษณะนี้มิใช่เพียงในจังหวัดสุรินทร์ แต่กระจายอยู่ทั่วประเทศ เหตุเพราะในอดีตการประกาศพื้นที่ต่างๆไม่ได้มีการทำงานและฐานข้อมูลที่บูรณาการกัน จึงเกิดเหตุการให้สิทธิในการใช้ประโยชน์ทับซ้อน ที่ประชุมจึงเสนอให้ใช้พื้นที่นี้นำร่องกรณีศึกษาเพื่อหา “แนวทางแก้ปัญหาที่ดินสาธารณะทับซ้อนกับที่ดินทำกิน” โดยมอบหมายให้สํานักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษารายละเอียดและจัดทำข้อเสนอมาตรการ เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ภายในกรอบระยะเวลา 3 เดือน เพื่อให้เกิดเป็นข้อสรุปเชิงนโยบายในการปรับใช้กับกรณีลักษณะนี้ในพื้นที่อื่นๆต่อไป


“รัฐบาลมีความตั้งใจในการแก้ปัญหาที่ดินทำกินอย่างมาก เนื่องจากเป็นปัจจัยพื้นฐานในการสร้างอาชีพของพี่น้องประชาชน หากการแก้ปัญหาการกระจายกรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดินทำได้สำเร็จ จะเป็นการส่งเสริมให้คนรุ่นลูกรุ่นหลาน กลับไปลงพัฒนาท้องถิ่นในที่ดินทำกินของตน สร้างอาชีพ ต่อยอดการลงทุน และเป็นรากฐานของการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นได้” นายชนินทร์กล่าว

  ในช่วงบ่ายได้มีการร่วมประชุมกับกรมชลประทาน จังหวัดสุรินทร์ เพื่อรับทราบปัญหา เกี่ยวกับ น้ำในห้วย เสนง การขุดลอกห้วยอำปึล การสร้างประตูระบายน้ำ การกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง