srikho tv

ข่าวสาร ทั่วไป และวัฒนธรรมท้องถิ่น ประเพณี

วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2561

จังหวัดสุรินทร์ จัดงานประเพณีบวชนาคช้าง ตามโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ประจำปี 2561 

   วันที่ 28 เมษายน 61 นายพรพจน์  บัณฑิตยานุรักษ์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานในพิธีเปิดงานโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิญวัฒนธรรม ประเพณีบวชนาคช้าง ประจำปี 2561 โดยมีนายกิติเมศวร์  รุ่งธนิเกียรติ  นายกองค์การบริหารส่วงจังหวัดสุรินทร์ กล่าวรายงาน ณ ศูนย์คชศึกษา บ้านตากลาง ตำบลกะโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์  โดยมีการประกอบพิธีเซ่นศาลปะกำ จากนั้นเริ่มขบวนแห่นาคช้างไปยังวังทะลุ ประกอบด้วยขบวนศาสนา ขบวนพระมหากษัตริย์ ขบวนแห่นาคด้วยช้าง 40 เชือก พร้อมนาค 14 นาค ที่นั่งบนหลังช้างและพระสงฆ์ มีผู้ร่วมขบวนจำนวนมากแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองและการแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่นชาวสุรินทร์ แห่มารวมกันที่วังทะลุ (ดอนบวช) เพื่อทำพิธีเซ่นไหว้ศาลปู่ตา ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวกวยเคารพนับถือมาตั้งแต่โบราณ ณ ศาลปู่ตาบริเวณวังทะลุ ในวันที่ 29 เมษายน 61 จะมีพิธีอุปสมบทหมู่ตามแบบชาวกวยโบราณ ที่วัดแจ้งสว่าง บ้านตากลาง ตำบลกะโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์

   งานประเพณีบวชนาคช้าง ประจำปี 2561  จังหวัดสุรินทร์  โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์  สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุรินทร์ การท่องเที่ยวแห่ประเทศไทยสำนักงานจังหวัดสุรินทร์  องค์การบริหารส่วนตำบลกะโพ  โรงเรียนช้างบุญวิทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันดำเนินการ ระหว่างวันที่ 27-29  เมษายน 61  เพื่อสืบสานประเพณีที่ชาวสุรินทร์ ทั้งเขมร  ลาว  กวย  ที่นับถือศาสนาพุทธ เมื่อลูกชายอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ก่อนจะมีเหย้ามีเรือน พ่อแม่ต้องจัดการให้ลูกชายบวชเพื่อศึกษาธรรมวินัยเสียก่อน ชายชาวกวยในตำบลกะโพที่อายุครบบวช จะนัดกันไปบวชที่วัดแจ้งสว่าง และก่อนวันบวช 1 วัน นาคของแต่ละหมู่บ้านจะจัดขบวนแห่ที่มีช้างร่วมขบวน โดยเชื้อกันว่า การบวชนี้ถ้าจะให้มีชื่อเสียงหรือได้บุญมากจะต้องนั่งช้างร่วมขบวนแห่ไปเป็นระยะทางไกลๆและมีผู้คนมาร่วมขบวนแห่นาคเป็นจำนวนมาก แห่มารวมกันที่บริเวณกันวังทะลุแม่น้ำชี เพื่อทำพิธีเซ่นไหว้ศาลปู่ตา ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านนับถือ พร้อมประกอบพิธี บริเวณดอนบวช ซึ่งเป็นเนินดินกลางแม่น้ำ ที่เกิดจากน้ำลำน้ำชีไหลมาบรรจบกับแม่น้ำมูลเป็นดอนกลางแม่น้ำ  การบวชจะจัดขึ้นในช่วงระหว่างวันขึ้น 13 ค่ำ ถึง 15 ค่ำ เดือนหก ของทุกปี










วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2561

ชีวิตแสนรันทด

ชีวิตแสนรันทด!!! สองตายายวัยขราดำรงชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก คุณตา  ตาบอดทั้งสองข้างมองไม่เห็นมาหลายปีแล้ว เวลาเดินเข้าห้องน้ำคุณยายต้องจูงมือคุณตาเข้าห้องน้ำ และเวลาทานข้าวคุณยายที่มือสั่นยิบข้าวป้อนใส่ปากให้คุณตา คุณยายเป็นโรคพาร์กินสันมือเท้าสั่นตลอดเวลาจะยิบจับอะไรก็ลำบาก มีลูก 4 คน แต่ก็ไปมีครอบครัวอยู่ที่จังหวัดอื่นไม่ได้กลับมาเยี่ยมสองตายายนานแล้ว  สองตายายจึงอยู่กันเพียงสองคนเท่านั้น  ดำรงชีวิตด้วยการออกไปหาขุดปูหาจิ้งหรีดมาทำอาหารตาประสา  บางวันก็มีชาวบ้านนำอาหารมาให้ก็มีรับประทานไปในวันนั้น

    วันที่ 23 เมษายน 2561 ผู้สื่อข่าว ได้ลงพื้นที่เพื่อให้จริงกับเรื่องบอกเล่าว่า สองตายายวัยชราอาศัยอยู่ในบ้านสภาพเก่าๆล้อมรอบด้วยป่ากล้วย ณ บ้านโคกไทร หมู่ 8 ต.บ้านจราย์  อ.สังขะ  จ.สุรินทร์  เมื่อเดินทางมาถึงได้พบกับสองตายายกำลังนั่งอยู่ใต้ถุนบ้านที่ยกสูงขึ้นมาแค่ก้มศรีษะรอดผ่านได้เท่านั้นทราบชื่อคุณตาคือ นายเรียด  รุ่งเรือง  อายุ 81 ปี 9 เดือน ส่วนคุณยาย คือนางทา  รุ่งเรือง อายุ 82 ปี  10 เดือน บ้านเลขที่ 27 หมู่ 8 บ้านโคกไทร  ต.บ้านจราย์  อ.สังขะ จ.สุรินทร์ สำรวจภายในบ้านมีสภาพโล่งมีที่นอนเก่าๆและมุ้งสีออกคล้ำๆกางอยู่เครื่องใช้อย่างอื่นไม่มี นอกจากทีวีเครื่องเดียวที่คุณยายไว้ดูละคร ขันน้ำดื่มคุณตาและคุณยายก็ใช้กะลาที่ขัดเงาไว้ใช้ดื่มน้ำ  สภาพหม้อหุ้งข้าวที่หุ้งด้วยถ่านสีดำเก่าๆและเตาถ่านที่ใช้ในการทำอาหาร ต้มน้ำ  ก็ดูเหมือนสภาพผ่านการใช้งานมานาน  ห้องน้ำห่างจากตัวบ้านยี่สิบเมตร ชาวบ้านช่วยกันทำราวให้คุณตาเดินเกาะไปเข้าห้องน้ำ  แทนคุณยายที่ต้องมาจูงมือเข้าห้องน้ำในแต่ละวัน  เพราะคุณยายแกมีอาการโรคพาร์กินสัน สั่นมากขึ้น คุณตาคุณยายมีลูกชายอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันคือ  นายสังวาล  รุ่งเรือง อายุ 53 ปี อาชีพรับจ้างต่อไป  ก็ไม่มีเวลาที่จะดูแลพ่อแม่(คุณตาคุณยาย) ตนเองหารับจ้างทั่วไปไม่ได้อยู่เป็นที่เป็นทางเงินทองก็หาไม่คอยได้จึงไม่มีเงินที่จะมาเลี้ยงดูพ่อแม่ มีเวลาก็จะแวะมาเยี่ยมดูบ้างสักครั้ง  ก็ได้อาศัยเพื่อนบ้านที่มีน้ำใจ และ อสม.ของหมู่บ้าน ที่เข้ามาเยี่ยมให้กำลังใจกับคุณตาคุณยายอยู่เสมอ  สองตายายดำรงชีพอยู่ได้เพราะเบี้ยยังชีพของผู้สูงอายุคนละ 800 บาทและ เบี้ยคนพิการอีก 800 บาท  คุณยายที่สายตายังพอมองเห็นอยู่บ้างแต่มือก็ยังสั่นอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากอาการของโรคภาคินสัน จะจูงมือคุณตาออกไปที่ทุ่งนาเพื่อไปหาขุดปูนา  หาจิ้งหรีดเอามาทำอาหารรับประทานในแต่ละวันหากวันไหนที่มีชาวบ้านนำอาหารมาให้ก็จะสบายไปในวันนั้นไม่ต้องออกไปทุ่งนาหาขุดปู  คุณยายที่มีมือสั่นเทาตลอดเวลาจะเป็นคนก่อไฟหุ้งหาอาหารทำกับข้าวรับประทานกันสองคนตายาย คุณยายถึงแม้มือจะสั่นแกก็ยังป้อนข้าวคุณตาเป็นประจำทุกวันเวลาเพราะคุณตา ตาบอดมองไม่เห็น

   นางหย่อนคำ  พันธ์ุดี  อายุ 50 ปี ประธาน  อสม. หมู่ 8 ต.บ้านจารย์  อ.สังขะ  จ.สุรินทร์  กล่าวว่าตนอยากให้หน่วยงานของรัฐหรือเอกชนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือสองตายาย เผื่อว่าสองตายายจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  สังคมไทยเราไม่ทอดทิ้งกันครับ เหมือนกับที่นายกรัฐมนตรีพูดอยู่เสมอว่าเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง  หากท่านใดที่มีใจบุญศุลทานก็ช่วยเหลือกันได้ทางบัญชีของคุณตา  นายเรียด   รุ่งเรือง  ธนาคาร  ธกส.สาขาหนองยาว เลขที่บัญชี 020038693185  ออมทรัพย์  ขอขอบคุณมา ณ ที่นี่  พรใดที่เป็นอันประเสริฐก็ขอให้ทุกท่านจงได้ประสบแต่ในสิ่งที่ดีๆ มั่งมี ศรีสุขทุกๆท่าน












วันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2561

โครงการห่วงใย ใส่ใจ ผู้สูงอายุ ของ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านจารย์ ประจำปี 2561 .

สุดมันฮา!!! ตีกอฟล์พาน้องขึ้นสวรรค์ โครงการ ห่วยใย ใส่ใจ ผู้สูงอายุ ขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านจารย์ ประจำปี 2561 

  องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านจารย์  อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์  โดยนายอิทธิพล  ร่วมพัฒนา  นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านจารย์ รายงานค่อธานประธานในพิธี สจ.วรลักษณ์  แซ่ตั้ง  

วันที่ 11 เมษายน 2561 ณ หอประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านจารย์  การจัดงานโครงการ ห่วยใย ใส่ใจ ผู้สูงอายุ และการมีส่วนร่วมประชาชนทุกภาคส่วนในพื้นที่ตำบลบ้านจารย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ ที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ จำนวน 300 คน มีการให้ผู้สูงอายุแข่งขันประกวดการครองเรือนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรที่อยู่กันมายาวนานที่สุด และให้คู่ที่อยู่มานานแสดงความรักต่อกันโดยการหอมแก้มคู่ของตน หลังจากนั้นเป็นการออกกำลังกายของผู้สูงอายุโดยใช้ท่อพีวีซี และก้านตาล ในการออกกำลังกาย การเต้นรำบาร์ชะโล้ป มีเด็กๆสนใจเข้าร่วมเต้นด้วย ที่สำคัญของงานคือ การแข่งขันตีกอฟล์พาน้องขึ้นสวรรค์ โดยการใช่ลูกมะเขือและลูกน้ำเต้าชนิดยาวผูกติดที่เอวฝ่ายชายอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้าง แล้วก็โยกตีลูกมะนาวที่วางไว้กับพื้นไปหาคู่สาวของตนเองใครถึงก่อนก็ได้พาสาวไปรำวงเป็นที่สนุกสนานของผู้เข้าร่วมและผู้ชมที่อยู่ในหอประชุม โดยที่ฝ่ายบริหาร  ฝ่ายสภา  และฝ่ายปกครองท้องที่ ได้ให้ความสำคัญในการจัดงานโครงการ  ห่วงใย  ใส่ใจ ผู้สูงอายุ ขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านจารย์
เป็นการให้ความรู้ด้านสุขภาพอนามัยที่ดีของผู้สูงอายุ และเป็นการอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรม  การดูแลห่วงใย ผู้สูงอายุ ให้ประชาชนชาวบ้านจารย์ได้ถือปฎิบัติสืบไป  ขอให้ผู้สูงอายุได้สบายใจ  คลายทุกข์  สร้างความอบอุ่นเต็มไปด้วยความรัก  ความกตัญญูกตเวที  ความสามัคคี  มีน้ำใจ ทั้งวันนี้และตลอดไป





















วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2561

งานสืบศรัทธาพระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง และงานมหาสงกรานต์ สมโภชศาลหลักเมือง

สุดอลังการ










ชาวสุรินทร์กว่า 3,000 คน ร่วมกันรำบวงสรวงสืบศรัทธาพระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวางอย่างยิ่งใหญ่ ในวันแถลงข่าวงานฉลองสืบศรัทธาเจ้าเมืองคนแรก งานสมโภชหลักเมืองและงานมหาสงกรานต์ที่จัดขึ้นในวันที่ 11-13 เมษายนนี้

    วันที่ 9 เมษายน 2561 เวลา 17.00 น. ที่บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง  นายอรรถพร  สิงหวิชัย  ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย พลตรีพิเชษฐ์  อาจฤทธิรงค์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25  นายสมเมือง ตัณฑเลขา รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุรินทร์  พ.ต.อ.ยศวัจน์  งามสง่า  ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์  ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานฉลองสืบศรัทธาพระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง  การรำบวงสรวง ครั้งที่ 5 รวมทั้งงานสมโภชศาลหลักเมือง และงานมหาสงกรานต์ ประจำปี 2561 และการซ้อมใหญ่รอบปฐมทัศน์ ของผู้สมัครเข้าร่วมรำบวงสรวง ซึ่งมาจากข้าราชการ นักศึกษา พ่อค้า ประชาชน และลูกหลานชาวสุรินทร์ทุกเพศทุกวัยกว่า 3,000 คน 

    งานฉลองสืบศรัทธาพระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง  สมโภชศาลหลักเมือง และงานมหาสงกรานต์ ประจำปี 2561 ได้กำหนดในช่วงเดือนเมษายน เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของเจ้าเมืองสุรินทร์คนแรกคือ พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง เพี่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ประเพณี และวัฒนธรรมของจังหวัดสุรินทร์  สร้างความสามัคคีระหว่างประชาชน  ชุมชน โรงเรียน  และหน่วยงานต่างๆ ในเครือข่ายประเพณีและวัฒนธรรมของจังหวัดสุรินทร์

วันที่ 11 เมษายน 61  เวลา 06.00 น. เป็นการรำบวงสรวงฉลองสืบศรัทธา  ณ.อนุสาวรีย์เจ้าเมืองคนแรกของจังหวัดสุรินทร์ โดยลูกหลานเชื้อสายคนสุรินทร์สมัครเข้าร่วมรำบวงสรวงในครั้งนี้กว่า 3,000 คน ซึ่งทุกคนที่เป็นลูกหลานชาวเมืองสุรินทร์ต่างก็เชื่อกันว่าการรำบวงสรวงในครั้งนี้จะเกิดบันดาลสิ่งดีๆให้เกิดขึ้นกับตนเองและครอบครัวในการเริ่มเทศกาลปีใหม่ไทยนี้
วันที่ 12 เมษายน 61  เป็นงานสมโภชหลักเมืองสุรินทร์  ตั้งแต่เวลา 18.00 น เป็นต้นไป
วันที่ 13 เมษายน 61  เป็นงานมหาสงกรานต์ทำบุญตักบาตร เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ไทย ตั้งแต่เวลา 06.00 น  การสรงน้ำพระพุทธรูป  รดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ  บริเวณใจการเมืองสุรินทร์จะมีกิจกรรมเปิด "ถนนแคแจ๊ดง..สะเร็น" โซนนิ่งการเล่นน้ำสงกรานต์ปลอดแอลกอฮอล์