srikho tv

ข่าวสาร ทั่วไป และวัฒนธรรมท้องถิ่น ประเพณี

วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2561

โรงพยาบาลสุรินทร์เปิดตัวสมาพันธ์เครื่อข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่จังหวัดสุรินทร์

โรงพยาบาลสุรินทร์ เปิดตัวสมาพันธ์เครื่อข่ายแห่งชาติ เพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่จังหวัดสุรินทร์  เน้นกลุ่มวัยรุ่น 10-24 ปี

วันที่ 30 ตุลาคม 2561 ณ โรงแรมเพชรเกษมอำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ มีผู้เข้าร่วมงาน 434 คน  โรงพยาบาลสุรินทร์ เปิดแถลงข่าวเปิดตัวสมาพันธ์เครื่อข่ายแห่งชาติ เพื่อ สังคมไทยปลอดบุหรี่จังหวัดสุรินทร์ โดย นพ.สินชัย  ตันติรัตนานนท์ รอง นพ.สสจ.สุรินทร์  นพ.ประวิณ  ตัณฑประภา  ผอ.รพ.สุรินทร์ นพ.ชวมัย  สืบนุการณ์ รอง ผอ.รพ.สุรินทร์ นพ.ประมวล  ไทยงามศิลป์ ผอ.รพ.ปราสาท และ นพ.สมชัย  อัศวรัศมี  ประธานคณะทำงานคลีนิกฟ้าใส ณ ห้องแกรนด์บอลลูน โรงแรมเพชรเกษม อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์  ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามพันธกรณีที่ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันเป็นภาคีของอนุสัญญาควบคุมการบริโภคยาสูบขององค์กรอนามัยโลก สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่จังหวัดสุรินทร์ ดำเนินการเพื่อให้จำนวนเยาวชนรายใหม่ที่เสพติดบุหรี่ลดลง ส่งเสริมการไม่สูบบุหรี่ เกื้อหนุนและสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ที่สูบบุหรี่ เลิกสูบบุหรี่เพิ่มขึ้น โดยเน้นกลุ่มวัยรุ่น 10-24 ปี ดังนั้น ปี 2562 จะดำเนินการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ร่วมกัน ระหว่างสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ โรงพยาบาลสุรินทร์ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองสุรินทร์ โดยร่วมรณรงค์กับเครือข่ายต่างๆควบคู่กับการดำเนินงานโครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกสูบบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชันหนึ่งในโครงการร่วมเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคมประกอบด้วย ตรอบครัว  สถาบันการศึกษา สถาบันศาสนา และทุกภาคส่วนต้องเข้ามามีบทบาทร่วมกัน เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชนจังหวัดสุรินทร์

   ด้าน นพ.สมชัย  อัศวรัศมี ประธานคณะทำงานคลีนิกฟ้าใส กล่าวว่า โรงพยาบาลสุรินทร์ ต้องการลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ทั้งรายเก่าและรายใหม่ เพราะบุหรี่ทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ เช่น โรคถุงลมโป่งพอง โรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งกล่องเสียง เป็นต้น โดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนของสังคม ตลอดจนร้านค้าปลอดบุหรี่สมาพันธ์เครือข่ายปลอดบุหรี่ทั้งภาครัฐและเอกชน ทำให้ลดจำนวนผู้ติดบุหรี่ ในปี 2558 เหลือร้อยละ 21 และมีเป้าหมาย ในปี 2568 จะลดผู้สูบบุหรี่เหลือร้อยละ 15  จึงขอให้ชาวสุรินทร์ ตระหนักถึงภัยร้ายแรง และเป็นกำลังใจให้ผู้เลิกสูบบุหรี่ โดยวิธีง่ายๆ คือต้องมีความตั้งใจ ปรับพฤติกรรมตนเอง ตื่นขึ้นมาต้องไม่สูบ เครียดต้องไม่สูบ และสภาพสิ่งแวดล้อมหากเพื่อนชวนต้องปฏิเสธและที่สำคัญต้องได้รับกำลังใจจากครอบครัว









วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2561

www.srikho tv blogspot.com: บุญข้าวประดับดิน

www.srikho tv blogspot.com: บุญข้าวประดับดิน: บุญข้าวประดับดิน   บุญข้าวประดับดิน เป็นประเพณีทางภาคอีสาน ที่จัดขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว และสันว์นรกหรือเปรต ในวัน...

บุญข้าวประดับดิน

บุญข้าวประดับดิน

 บุญข้าวประดับดิน เป็นประเพณีทางภาคอีสาน ที่จัดขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว และสันว์นรกหรือเปรต ในวันแรม 14 ค่ำ เดือนเก้า
  ประเพณีบุญข้าวประดับดิน  บุญเดือนเก้าเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาในภาคอีสาน  โดยบุญข้าวประดับดินจะจัดขึ้นในวันแรม 14 ค่ำ เดือนเก้าของทุกๆปี ในปี 2561 ประเพณีบุญข้าวประดับดินจะตรงกับวันที่ 9 กัยยายน ของเดือนเก้า แรม 14 ค่ำ   การทำบุญข้าวประดับดินนั้นชาวบ้านจะนำข้าวปลา  อาหาร คาวหวาน  ผลไม้ หมากพลู บุหรี่ มาห่อด้วยใบตอง และทำเป็นห่อเล็กๆ ในช่วงเช้ามืดประมาณตีห้าก็จะพากันออกไปที่วัดนำไปวางตามต้นไม้ใหญ่ หรือตามพื้นดินรอบเจดีย์ที่บรรจุอัฐิของญาติตนเองที่ล่วงลับไปแล้ว  รวมทั้งอุทิศส่วนกุศลให้กับสัตว์นรก หรือเปรต บุญข้าวประดับดินยังถือเป็นการให้ทานกับผู้ยากไร้ที่ต้องหิวอดมื้อกินมื้อมาตลอดทั้งปี  รวมทั้งสัตว์ไม่มีเจ้าของ การที่ตั้งอาหารไว้กับพื้นดินทำให้สัตว์เหล่านั้นเข้ามากินอาหารได้อย่างเต็มที่
     
     ความเป็นมาของบุญข้าวประดับดิน

การทำบุญข้าวประดับดินนั้น  เกิดจากความเชื่อตามนิทานธรรมบทที่ว่า  ญาติของพระพุทธเจ้าพิมพิสาร ได้ยักยอกเงินวัดไปเป็นของตนเอง ครั้นตายไปแล้วได้ไปเกิดเป็นเปรตในนรก  เมื่อพระเจ้าพิมพิสารถวายทานแด่พระพุทธเจ้าแล้ว  มิได้อุทิศกุศลผลบุญให้กับญาติที่ตาย  พอตกกลางคืนพวกญาติที่ตายมาแสดงตัวเปล่งเสียงร้องน่ากลัวให้ปรากฎใก้ลกับพระราชนิเวศน์  พอรุ้งเช้าได้ไปฑูลถามพระพุทธเจ้า  พระพุทธองค์ฑูลเหตุให้ทราบ  พระเจ้าพิมพิสารจึงถวายทานอีก แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้  ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว จึงได้รับส่วนกุศลนั้น  ด้วยเหตุนี้การทำบุญข้าวประดับดิน  คือการทำเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติที่ตายไปแล้ว  ถือเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปี  ต้องทำเป็นประจำทุกๆปีสืบไป



วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2561

วันนี้ 24 สิงหาคม 2561
ทีมนักยกน้ำหญิงไทย รัตนวรรณ์ วามะลุน คว้าเหรีญทองแดงมาได้สำเร็จในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์


วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ที่เดียวในโลกจังหวัดสุรินทร์ เปิดงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา และตักบาตรบนหลังช้าง ประจำปี 2561

งานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาและตักบาตรบนหลังช้าง ประจำปี 2561 จังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์  เทศบาลเมืองสุรินทร์ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจังหวัดสุรินทร์  จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25- 27 กรกฎาคม 2561  เพื่อเป็นการสืบทอดประเพณีอันดีงามของไทยให้คงอยู่สืบไป และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดสุรินทร์  

    วันที่ 26 กรกฎาคม 2561  นายอรรถพร  สิงหวิชัย  ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์  เป็นประธานเปิดงานมหกรรมแห่เทียนเข้าพรรษาและตักบาตรบนหลังช้างประจำปี 2561  ท่ามกลางชาวสุรินทร์ที่สวมใส่ผ้าไหมพื้นเมืองสุรินทร์อย่างสวยงาม  มีนักท่องเที่ยวร่วมงานจำนวนมาก
    ขมการประกวดขบวนแห่เทียนเข้าพรรษา จาก 12  ตุ้มวัด ที่ประดับตกแต่งเที่ยนและขบวนรถแห่เที่ยนอย่างสวยงาม  รวมทั้งขบวนฟ้อนรำตามแบบศิลปวัฒนธรรมประเพณี 3 ชนเผ่า  เขรม  ลาว  กูย  พร้อมขบวนแห่เที่ยนพรรษาและขบวนแห่ช้างที่ประดับตกแต่งไฟหลากสีต่างๆตามตัวช้างจำนวน 67 เชือก
    ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2561 เวลา 07.00 น. พิธีตักบาตรบนหลังช้าง หนึ่งเดียวในโลก โดยมีพระชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดสุรินทร์นั่งบนหลังช้างออกรับบิณฑบาตรจากพุทธศาสนิกชน และประชาชนชาวจังหวัดสุรินทร์ รวมทั้งนักท่องเที่ยวด้วย













วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2561

จังหวัดสุรินทร์ จัดงานประเพณีบวชนาคช้าง ตามโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ประจำปี 2561 

   วันที่ 28 เมษายน 61 นายพรพจน์  บัณฑิตยานุรักษ์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานในพิธีเปิดงานโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิญวัฒนธรรม ประเพณีบวชนาคช้าง ประจำปี 2561 โดยมีนายกิติเมศวร์  รุ่งธนิเกียรติ  นายกองค์การบริหารส่วงจังหวัดสุรินทร์ กล่าวรายงาน ณ ศูนย์คชศึกษา บ้านตากลาง ตำบลกะโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์  โดยมีการประกอบพิธีเซ่นศาลปะกำ จากนั้นเริ่มขบวนแห่นาคช้างไปยังวังทะลุ ประกอบด้วยขบวนศาสนา ขบวนพระมหากษัตริย์ ขบวนแห่นาคด้วยช้าง 40 เชือก พร้อมนาค 14 นาค ที่นั่งบนหลังช้างและพระสงฆ์ มีผู้ร่วมขบวนจำนวนมากแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองและการแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่นชาวสุรินทร์ แห่มารวมกันที่วังทะลุ (ดอนบวช) เพื่อทำพิธีเซ่นไหว้ศาลปู่ตา ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวกวยเคารพนับถือมาตั้งแต่โบราณ ณ ศาลปู่ตาบริเวณวังทะลุ ในวันที่ 29 เมษายน 61 จะมีพิธีอุปสมบทหมู่ตามแบบชาวกวยโบราณ ที่วัดแจ้งสว่าง บ้านตากลาง ตำบลกะโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์

   งานประเพณีบวชนาคช้าง ประจำปี 2561  จังหวัดสุรินทร์  โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์  สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุรินทร์ การท่องเที่ยวแห่ประเทศไทยสำนักงานจังหวัดสุรินทร์  องค์การบริหารส่วนตำบลกะโพ  โรงเรียนช้างบุญวิทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันดำเนินการ ระหว่างวันที่ 27-29  เมษายน 61  เพื่อสืบสานประเพณีที่ชาวสุรินทร์ ทั้งเขมร  ลาว  กวย  ที่นับถือศาสนาพุทธ เมื่อลูกชายอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ก่อนจะมีเหย้ามีเรือน พ่อแม่ต้องจัดการให้ลูกชายบวชเพื่อศึกษาธรรมวินัยเสียก่อน ชายชาวกวยในตำบลกะโพที่อายุครบบวช จะนัดกันไปบวชที่วัดแจ้งสว่าง และก่อนวันบวช 1 วัน นาคของแต่ละหมู่บ้านจะจัดขบวนแห่ที่มีช้างร่วมขบวน โดยเชื้อกันว่า การบวชนี้ถ้าจะให้มีชื่อเสียงหรือได้บุญมากจะต้องนั่งช้างร่วมขบวนแห่ไปเป็นระยะทางไกลๆและมีผู้คนมาร่วมขบวนแห่นาคเป็นจำนวนมาก แห่มารวมกันที่บริเวณกันวังทะลุแม่น้ำชี เพื่อทำพิธีเซ่นไหว้ศาลปู่ตา ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านนับถือ พร้อมประกอบพิธี บริเวณดอนบวช ซึ่งเป็นเนินดินกลางแม่น้ำ ที่เกิดจากน้ำลำน้ำชีไหลมาบรรจบกับแม่น้ำมูลเป็นดอนกลางแม่น้ำ  การบวชจะจัดขึ้นในช่วงระหว่างวันขึ้น 13 ค่ำ ถึง 15 ค่ำ เดือนหก ของทุกปี










วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2561

ชีวิตแสนรันทด

ชีวิตแสนรันทด!!! สองตายายวัยขราดำรงชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก คุณตา  ตาบอดทั้งสองข้างมองไม่เห็นมาหลายปีแล้ว เวลาเดินเข้าห้องน้ำคุณยายต้องจูงมือคุณตาเข้าห้องน้ำ และเวลาทานข้าวคุณยายที่มือสั่นยิบข้าวป้อนใส่ปากให้คุณตา คุณยายเป็นโรคพาร์กินสันมือเท้าสั่นตลอดเวลาจะยิบจับอะไรก็ลำบาก มีลูก 4 คน แต่ก็ไปมีครอบครัวอยู่ที่จังหวัดอื่นไม่ได้กลับมาเยี่ยมสองตายายนานแล้ว  สองตายายจึงอยู่กันเพียงสองคนเท่านั้น  ดำรงชีวิตด้วยการออกไปหาขุดปูหาจิ้งหรีดมาทำอาหารตาประสา  บางวันก็มีชาวบ้านนำอาหารมาให้ก็มีรับประทานไปในวันนั้น

    วันที่ 23 เมษายน 2561 ผู้สื่อข่าว ได้ลงพื้นที่เพื่อให้จริงกับเรื่องบอกเล่าว่า สองตายายวัยชราอาศัยอยู่ในบ้านสภาพเก่าๆล้อมรอบด้วยป่ากล้วย ณ บ้านโคกไทร หมู่ 8 ต.บ้านจราย์  อ.สังขะ  จ.สุรินทร์  เมื่อเดินทางมาถึงได้พบกับสองตายายกำลังนั่งอยู่ใต้ถุนบ้านที่ยกสูงขึ้นมาแค่ก้มศรีษะรอดผ่านได้เท่านั้นทราบชื่อคุณตาคือ นายเรียด  รุ่งเรือง  อายุ 81 ปี 9 เดือน ส่วนคุณยาย คือนางทา  รุ่งเรือง อายุ 82 ปี  10 เดือน บ้านเลขที่ 27 หมู่ 8 บ้านโคกไทร  ต.บ้านจราย์  อ.สังขะ จ.สุรินทร์ สำรวจภายในบ้านมีสภาพโล่งมีที่นอนเก่าๆและมุ้งสีออกคล้ำๆกางอยู่เครื่องใช้อย่างอื่นไม่มี นอกจากทีวีเครื่องเดียวที่คุณยายไว้ดูละคร ขันน้ำดื่มคุณตาและคุณยายก็ใช้กะลาที่ขัดเงาไว้ใช้ดื่มน้ำ  สภาพหม้อหุ้งข้าวที่หุ้งด้วยถ่านสีดำเก่าๆและเตาถ่านที่ใช้ในการทำอาหาร ต้มน้ำ  ก็ดูเหมือนสภาพผ่านการใช้งานมานาน  ห้องน้ำห่างจากตัวบ้านยี่สิบเมตร ชาวบ้านช่วยกันทำราวให้คุณตาเดินเกาะไปเข้าห้องน้ำ  แทนคุณยายที่ต้องมาจูงมือเข้าห้องน้ำในแต่ละวัน  เพราะคุณยายแกมีอาการโรคพาร์กินสัน สั่นมากขึ้น คุณตาคุณยายมีลูกชายอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันคือ  นายสังวาล  รุ่งเรือง อายุ 53 ปี อาชีพรับจ้างต่อไป  ก็ไม่มีเวลาที่จะดูแลพ่อแม่(คุณตาคุณยาย) ตนเองหารับจ้างทั่วไปไม่ได้อยู่เป็นที่เป็นทางเงินทองก็หาไม่คอยได้จึงไม่มีเงินที่จะมาเลี้ยงดูพ่อแม่ มีเวลาก็จะแวะมาเยี่ยมดูบ้างสักครั้ง  ก็ได้อาศัยเพื่อนบ้านที่มีน้ำใจ และ อสม.ของหมู่บ้าน ที่เข้ามาเยี่ยมให้กำลังใจกับคุณตาคุณยายอยู่เสมอ  สองตายายดำรงชีพอยู่ได้เพราะเบี้ยยังชีพของผู้สูงอายุคนละ 800 บาทและ เบี้ยคนพิการอีก 800 บาท  คุณยายที่สายตายังพอมองเห็นอยู่บ้างแต่มือก็ยังสั่นอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากอาการของโรคภาคินสัน จะจูงมือคุณตาออกไปที่ทุ่งนาเพื่อไปหาขุดปูนา  หาจิ้งหรีดเอามาทำอาหารรับประทานในแต่ละวันหากวันไหนที่มีชาวบ้านนำอาหารมาให้ก็จะสบายไปในวันนั้นไม่ต้องออกไปทุ่งนาหาขุดปู  คุณยายที่มีมือสั่นเทาตลอดเวลาจะเป็นคนก่อไฟหุ้งหาอาหารทำกับข้าวรับประทานกันสองคนตายาย คุณยายถึงแม้มือจะสั่นแกก็ยังป้อนข้าวคุณตาเป็นประจำทุกวันเวลาเพราะคุณตา ตาบอดมองไม่เห็น

   นางหย่อนคำ  พันธ์ุดี  อายุ 50 ปี ประธาน  อสม. หมู่ 8 ต.บ้านจารย์  อ.สังขะ  จ.สุรินทร์  กล่าวว่าตนอยากให้หน่วยงานของรัฐหรือเอกชนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือสองตายาย เผื่อว่าสองตายายจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  สังคมไทยเราไม่ทอดทิ้งกันครับ เหมือนกับที่นายกรัฐมนตรีพูดอยู่เสมอว่าเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง  หากท่านใดที่มีใจบุญศุลทานก็ช่วยเหลือกันได้ทางบัญชีของคุณตา  นายเรียด   รุ่งเรือง  ธนาคาร  ธกส.สาขาหนองยาว เลขที่บัญชี 020038693185  ออมทรัพย์  ขอขอบคุณมา ณ ที่นี่  พรใดที่เป็นอันประเสริฐก็ขอให้ทุกท่านจงได้ประสบแต่ในสิ่งที่ดีๆ มั่งมี ศรีสุขทุกๆท่าน