เป็นบล็อกสื่อสารถึง ข่าวสาร วัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่น การกีฬา สร้างสรรสิ่งดีๆให้สังคม
srikho tv
ข่าวสาร ทั่วไป และวัฒนธรรมท้องถิ่น ประเพณี
วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2565
หมาก !!! เป็นพืชที่สร้างรายได้มาแรงปลูกครั้งเดียวเก็บขายได้นาน 30 ปี
หมาก !!! พืชสร้างรายได้มาแรง ปลูกครั้งเดียวเก็บขายได้นาน 30 ปี ตลาดต่างประเทศต้องการสูง
“หมาก” พืชสร้างรายได้มาแรง ปลูกครั้งเดียวเก็บขายได้นาน 30 ปี ตลาดต่างประเทศต้องการสูง
ในช่วงหลายเดือนหลังมานี้ หลายท่านคงได้ยินข่าวเกี่ยวกับราคาของหมากพุ่งสูงแข่งกับราคาน้ำมันกันแล้ว นั่นก็มีสาเหตุมาจากตลาดต่างประเทศที่มีความต้องการสูงอย่าง อินเดีย จีน เมียนมา ดูไบ เวียดนาม แห่บินมาซื้อทั้งหมากสด-แห้ง ในภาคใต้และตะวันออกและภาคอีสาน ส่งผลให้ราคาหมากพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าหากท่านใดสนใจอยากปลูกหมากเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริม ก็สามารถทำได้ เพียงแต่ต้องศึกษาการตลาดในพื้นที่ของตนเอง และวิธีเทคนิคการปลูกให้ดีก่อน
นายไพรยวน พันธุ์ศรีดาหรือ พี่ยวน
นายไพรยวน อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ที่ 19 ตำบลบัวโคก อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ เกษตรกรผู้ ยึดอาชีพปลูกหมากมานานตั้งแต่ปี 41 พร้อมกับทำสวนกล้วยควบคู่กันไป เล่าถึงสถานการณ์หมาก ตลอดระยะที่ทำมาถือว่าการตลาดและราคาดีขึ้นเรื่อยๆ จากตอนที่เริ่มปลูกใหม่ๆ ขายหมากแห้งได้ในราคากิโลกรัมละ 40 บาท และในเวลาต่อมามีการขยับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนปลายปีที่ผ่านมาราคาหมากดีดสูงขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 70-100 บาท สามารถสร้างรายได้ถึงหลักล้านต่อปี
การปลูกระยะแถว 2 เมตร กลาง 3 เมตร
พี่ยวน เล่าถึงจุดเริ่มต้นการปลูกหมากสร้างรายได้ว่า เนื่องจากหมากเป็นพืชที่ปลูกดูแลง่าย เหมาะปลูกในพื้นที่ได้ทุกภาคที่มีสภาพอากาศชื้นสูง ไม่ต้องฉีดยาบำรุงอะไรมาก และด้วยความที่เป็นพืชที่ปลูกกันมายาวนาน การตลาดจึงหาได้ไม่ยาก มีพ่อค้ารับซื้อประจำถึงสวนเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ หรือพ่อค้าจากต่างประเทศก็บินมาซื้อกันถึงที่สวน ทำให้ตนเองตัดสินใจที่จะปลูกหมากเป็นอาชีพ โดยสายพันธุ์ที่เลือกปลูกคือ หมากพันธุ์เกษตรชุมพร ต้นสูง มีจุดเด่นที่ลูกดก เปลือกบาง เนื้อหนา เหมาะกับการทำหมากแห้ง ได้น้ำหนักดี 4 ปีให้ผลผลิต ปลูกครั้งเดียวเก็บได้นาน 30 ปี หากมีการดูแลจัดการสวนที่ดี ผลผลิตเก็บได้นานถึง 40 ปี ปัจจุบันปลูกอยู่จำนวน 2 ไร่
ปลูกหมากในระยะ 2×3 เมตร ต้นปีหน้าจะปลูกอีก 3 ไร่
“ถ้าหากพูดถึงสายพันธุ์หมากบางคนชอบปลูกหมากเตี้ย บางคนชอบหมากตูดแหลมเพื่อการส่งออกขายไปต่างประเทศ แต่หมากพันธุ์เกษตรชุมพร ต้นสูง ที่สวนพี่ปลูกลักษณะลูกจะคล้ายไข่ไก่ เมื่อผ่าออกมาแล้วจะเห็นได้ชัดว่าเปลือกจะบาง เนื้อเยอะ ทำขายแห้ง โดยการเก็บหมากสุกจากต้น แล้วนำไปตาก และอบทำเป็นหมากแห้งขาย”
ผลผลิตบำรุงปุ๋ยดี ออก 6-8 ทะลาย
เทคนิคการปลูกหมาก สร้างรายได้
เจ้าของสวนบอกว่า ควรปลูกดินที่มีการระบายน้ำได้ดี ร่วนซุย หมากเป็นพืชที่เหมาะปลูกในสภาพพื้นดินร่วนปนทราย หรือเป็นพื้นที่ดินเหนียวก็ได้แต่น้ำต้องไม่ขัง ปลูกแบบไม่ต้องยกร่อง ในระยะห่างระหว่างต้นที่เหมาะสม คือ 2×2, 2×3 เมตร รากหมากได้เดินหาอาหารเต็มที่ 1 ไร่ ปลูกได้ประมาณ 250 ต้น แล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ แต่ถ้าหากปลูกในระยะถี่เกินไป จะทำให้เกิดการแย่งอาหารกัน รากจะแน่นเกินไป ส่งผลทำให้ต้นไม่สมบูรณ์ ได้ผลผลิตน้อย
เปลือกบาง เนื้อหนา
โดยวิธีการปลูกของที่สวนจะนำหมากสุกมาเพาะพันธุ์เอง ใช้เวลาในการเพาะประมาณ 3 เดือน ถึงจะย้ายกล้าลงหลุมปลูกได้ ในการปลูกจะต้องขุดหลุม กว้าง คูณ ลึก 30 เซนติเมตร หมากเป็นพืชที่ทนแล้ง และถ้ารดน้ำ ให้ปุ๋ยตลอด ผลผลิตจะออกตลอดทั้งปี และการปลูกควรปลูกในช่วงหน้าฝน เพราะว่ารากจะได้จับดิน ช่วยทนแล้งด้วย
การดูแลรดน้ำ-ใส่ปุ๋ย
เมื่อปลูกไปได้สักระยะหนึ่งให้ทำการตัดหญ้าทำความสะอาดภายในสวน รดน้ำด้วยระบบสปริงเกลอร์ 2-3 วันครั้ง หากเป็นช่วงฤดูฝนก็จะงดการให้น้ำไปก่อน
ส่วนการใส่ปุ๋ยตั้งแต่ปลูกจนถึงเก็บเกี่ยว ก่อนปลูกรองก้นหลุมด้วยปูนขาวป้องกันเชื้อรา โดโลไมท์ลดการเป็นกรด ป้องกันดินเปรี้ยว ทำให้ดินร่วน
เก็บผลหมากคัดผล เพื่อขยายพันธุ์ต่อได้
จากนั้นรดน้ำดูแลเรื่อยๆ จนได้ระยะเวลา 3 เดือน เริ่มใส่ปุ๋ยครั้งแรก โดยปุ๋ยที่ใส่จะเป็น 1. ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยมูลสัตว์ จะช่วยปรับสภาพให้ดินร่วน 2. ให้ปุ๋ยเคมี ใส่ 16-16-16 อัตราครึ่งกิโลกรัมต่อต้น ช่วยบำรุงต้น ขยายผล และใส่ปุ๋ยคอก ต้นละ 1 กิโลกรัม 3. ในระยะสร้างดอก ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 9-24-24 และตอนติดผลแล้วจะใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 ปริมาณ 3 กำมือต่อต้น เพื่อบำรุงผลผลิตให้พร้อมเก็บเกี่ยว โดยการโรยปุ๋ยที่บริเวณรอบๆ โคนต้น และขั้นตอนหลังจากเก็บผลผลิตแล้ว จะใส่ปุ๋ยเคมีและอินทรีย์บำรุงสลับกันไปเรื่อยๆ
หมากที่เพิ่งเก็บสด เพื่อมาตากทำแห้ง
การเก็บเกี่ยวผลผลิต
หมาก โดยทั่วไปหมากต้นหนึ่งจะออกผลเพียงปีละครั้ง แต่ถ้าหากมีการดูแลรดน้ำใส่ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ ผลผลิตจะออกมาให้เก็บได้ตลอดทั้งปี อย่างของที่สวน หมากจะออกผลให้เก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่การขายจะเก็บเป็นหมากแห้งส่งขายปีละครั้ง เฉลี่ยผลผลิตต่อปีต่อต้น อยู่ที่ประมาณ 30 กิโลกรัม เป็นอย่างน้อย
ที่ผ่าหมาก สำหรับผ่าหมากแห้ง
“โดยขั้นตอนการทำหมากแห้งส่งออก เริ่มต้นที่การเก็บหมากสุกที่มีสีผลออกส้มแดง แล้วนำไปตากแดดไว้ที่ลานตากประมาณ 10 แดด ลูกก็จะแห้ง แล้วนำเอามาเก็บไว้ในร่มถ้าเรายังไม่ทำแห้ง แต่ถ้าเราจะทำก็จะมีเครื่องหีบผ่าซีก พอผ่าซีกเสร็จแล้วก็นำไปตากแดดอีก 3-4 แดด พอให้หน้าสวย แล้วนำไปใส่เครื่องอบแห้งอีกครั้ง จากนั้นเอาไปเก็บใส่กระสอบสามารถเก็บได้เป็นปี เราก็จะทำสะสมแบบนี้ไปเรื่อยๆ พอช่วงไหนราคาดีเราก็นำออกไปขาย
หมากที่ตากแห้งแล้ว
ตลาดหมากเติบโตได้ดี ต่างประเทศต้องการต่อเนื่อง
พี่ยวน บอกว่า การตลาดของหมากในพื้นที่ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าห่วง เพราะคนในพื้นที่สวนใหญ่จะมีพ่อค้าประจำเข้ามารับซื้อถึงสวนอยู่แล้ว ยิ่งในช่วงระยะหลายปีหลังมานี้ต่างประเทศมีความต้องการหมากไทยสูง ส่งผลทำให้ราคาดีมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นหมากสด หมากแห้ง ก็ส่งออกได้ทั้งหมด โดยส่วนมากหมากจะส่งไปประเทศอินเดียและพม่าเป็นหลัก โดยการขนส่งทางเรือ และหมากภาคกลางจะมีตลาดส่งไปที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งหมากของแต่ละพื้นที่ก็แตกต่างกันออกไป หมากทางใต้หน้าจะขาว เป็นที่ต้องการของคนอินเดีย นำไปแปรรูปเป็นอีกหลากหลายผลิตภัณฑ์
หมากแห้ง พร้อมเก็บเข้ากระสอบ
สำหรับรายได้ของที่สวนคิดราคาเฉลี่ยต่อปีต่อไร่ กิโลกรัมละ 50 บาท จะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 50,000-60,000 บาท ต่อไร่ เมื่อหักลบต้นทุนไปแล้วกำไรยังเหลือเกินครึ่ง เนื่องจากการปลูกหมากไม่ยุ่งยาก จัดการดูแลง่าย มีเพียงค่าปุ๋ยและค่าจัดการกำจัดวัชพืช ถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพหลักที่สร้างรายได้ดี พร้อมกับทำสวนกล้วยเป็นอาชีพเสริมควบคู่กันไปอยู่ได้สบายๆ
พิธีทอดกฐินสามัคคี ยกเสาเอก เสาโท สมทบทุนสร้างอุโบสถ ตามแบบพระราชทาน
พิธีทอดกฐินสามัคคี ยกเสาเอก เสาโท สมทบทุนสร้างอุโบสถ ตามแบบพระราชทาน ณ.วัดศิริสัจจัง บ้านสัจจัง ตำบลหนองบัว อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์
วันที่ 23 ตุลาคม 2565 วันปิยมหาราช
ในงานมีพิธีแห่กฐินบนหลังช้าง 16 เชือก
มีพระพรหมวชิรโมลี เจ้าอาวาสวัดศาลาลอย อำเภอเมืองสุรินทร์ ประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์
คุณแม่มณฑา สิริโรจนากร ประธานทอดกฐินฝ่ายฆราวาส พิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุ ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต 23 ตุลาคม
ประธานในพิธี และผู้มีเกียรติทุกท่าน ร่วมพิธีเทเสาฐานบารมีเศรษฐีอุโบสถ ตามแบบพระราชทาน พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นเป็นพิธีทอดกฐิน มี
นายกิตติ สัตย์ซื่อ นายอำเภอศีขรภูมิ และคุณแม่มณฑา สิริโรจนากร เป็นประธานทอดถวายผ้าพระกฐิน และคณะกฐินถวายเครื่องบริวารกฐินและเครื่องไทยธรรม
พระสงฆ์สวดอปโลกน
กรรม เสร็จพิธี
อำเภอบัวเชดจัดกิจกรรมน้อมรำลึก ในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันปิยมหาราช
อำเภอบัวเชด จัดกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ในวันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันปิยมหาราช
นายบรรลุ สุวรรณดี รักษาการนายอำเภอบัวเชด นำหัวหน้าส่วนราชการ-พ่อค้า ประชาชน วิสาหกิจชุมชน จัดกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เวลา 08.30น. ณ.บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอบัวเชด จ.สุรินทร์ นายบรรลุ สุวรรณดี รักษาการนายอำเภอบัวเชด จ.สุรินทร์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ พ่อค้าประชาชน รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน ได้เดินทางมาร่วมกิจกรรม น้อมลำรึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอบัวเชด
นายบรรลุ สุวรรณดี รักษาการนายอำเภอบัวเชด ประธานในพิธีกล่าวถวายสักการะ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวข้าพระพุทธเจ้า พร้อมด้วยคณะราชการและพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ที่ได้มาชุมนุมกันอย่างพร้อมเพียง ณ.ที่แห่งนี้ล้วนมีจิตใจตั้งมุ่งมั่นเพื่อร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้
ตลอดรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอเนกประการเพื่อวางรากฐานการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงทรงมีพระปรีชาญาณอันกว้างไกลในด้านการปกครองทรงตั้งโรงเรียนหลวงเพื่อวางรากฐานการศึกษาแก่ราษฏรทุกหมู่เหล่าทรงประกาศเลิกทาสทรงยกเลิกระบบไพร่เพื่อนำพาประเทศไทยก้าวสู่ความทันสมัยทัดเทียมนานาอารยประเทศทรงดำเนิน นโยบายในการเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับนานาประเทศช่วยสร้างความมั่นคงแก่ประเทศและคงไว้ซึ่งเอกราชของชาติไทยยังความร่มเย็นเป็นสุขแก่ราษฏรโดยถ้วนหน้าได้ทรงดำรงมั่นอยู่ในทศพิธราชธรรมอีกทั้งทรงพระวิริยะอุสาหะปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการทำให้พสกนิกรชาวไทยสามารถดำเนินชีวิตด้วยความผาสุกมั่นคงในทุกสถานการณ์ของบ้านเมือง
แม้พระองค์จะเสด็จสู่สวรรคตคาลัยแล้วแต่พระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ยังคงผลิตออกดอกออกผลและให้ความร่มเย็นยังคงเปรียบดุจดังแสงสว่างที่คอยชี้นำแนวทางในการดำรงชีวิตแก่พสกนิกรและจะยังคงสถิตในดวงใจของเหล่าปวงชนชาวไทยสืบไป
วันปิยมหาราช 23 ตุลาคมของทุกปี
วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2565
สภ.บัวเชดทำลายอาวุธปืนของกลางที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
สภ.บัวเชด ทำลายอาวุธปืนของกลางที่ศาลพิพากษาให้ริบ จำนวน 15 คดี อาวุธปืนจำนวน 16 กระบอก พร้อมระดมเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มแก้ปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่
วันที่ 21 ตุลาคม 2565 เวลา 13.00 น พ.ต.อ.เฉลิมศักดิ์ ไชยณรงค์ศักดิ์ ผกก.สภ.บัวเชด ในฐานะประธานกรรมการฯทำลายอาวุธปืนของกลาง พ.ต.ท.สุรพศ ผมหอม สว.(สอบสวน) สภ.บัวเชด ร.ต.อ.บุญชู วงศ์ศักดิ์ ด.ต.พรศักดิ์ คำชมภู และ ส.ต.อ.ไตรภพ สมพร ได้ร่วมกันทำลายอาวุธปืนของกลางที่ศาลมีคำพิพากษาสิ้นสุดไปแล้ว ให้ริบเป็นของกลางให้ตกเป็นของแผ่นดิน ในปีงบประมาณ 2565 จำนวน 15 คดี รวมอาวุธปืนจำนวน 16 กระบอก โดยได้ทำลายแปรสภาพไม่ให้นำกลับมาใช้ได้อีก โดยการใช้เครื่องเลื่อยตัดทำลายและนำไปเผาไฟ
พ.ต.อ.เฉลิมศักดิ์ ไชยณรงค์ศักดิ์ ผกก.สภ.บัวเชด เปิดเผยว่า หลังจากการทำลายอาวุธปืนของกลางในครั้งนี้แล้ว ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ยังได้สั่งการให้สถานี้ตำรวจภูธรบัวเชด ได้เพิ่มความเข้มในการตรวจตรา ระดมกวาดล้างอาวุธปืนและอาชญากรรมทุกรูปแบบ อย่างต่อเนื่องหากประชาชนพบเบาะแสว่าผู้ใดมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บัวเชด เพื่อจะได้เข้าไปดำเนินการตรวจยึดจับกุมเพื่อป้องกันการนำมาก่อเหตุความรุนแรงสร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นได้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)