srikho tv

ข่าวสาร ทั่วไป และวัฒนธรรมท้องถิ่น ประเพณี

วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2565

โครงการบริหารจัดการขยะอันตรายในชุมชนของจังหวัดชลบุรี

องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีร่วมกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 94 แห่ง บริหารจัดการปัญหาขยะอันตรายชุมชน ไปกำจัดตามหลักสุขาภิบาล ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี นายวิวัฒน์ มหาผลศิริกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานเปิดโครงการบริหารจัดการขยะอันตรายชุมชนจังหวัดชลบุรี ปีงบประมาณ 2565 โดยมีนายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี กล่าวรายงาน คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี และเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ให้การต้อนรับ สำหรับโครงการดังกล่าว ได้มีการบูรณาการร่วมกันระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชลบุรี เพื่อแก้ไขปัญหาขยะอันตรายชุมชน ที่เป็นปัญหาสำคัญ ระดับประเทศ ก่อให้เกิดผลกระทบในด้านต่างๆ ทั้งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน ระบบนิเวศวิทยา การปนเปื้อนทางน้ำ การเกิดมลพิษทางอากาศ การปนเปื้อนในดิน ผลกระทบต่อพืชและสัตว์ โดยขยะอันตรายชุมชนมีอยู่ทั้งในที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน และร้านค้าต่างๆ จึงจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการขยะอันตรายชุมชนให้ เป็นไปตามหลักสุขาภิบาล ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ในฐานะหน่วยงานหลักที่ได้รับมอบหมายจากจังหวัดชลบุรี ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ ในการบริหารจัดการ ขยะอันตรายชุมชนได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่าง เทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จำนวน 94 แห่ง ร่วมกันบริหารจัดการขยะอันตรายชุมชน ตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 และประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การจัดการมูลฝอย พ.ศ. 2560 โดยครั้งนี้ดำเนินการรวบรวมขยะอันตรายชุมชน จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จำนวนทั้งสิ้น 12,906 กิโลกรัม และให้บริษัท บางปู เอนไวรอนเมนทอล คอมเพล็กซ์ จำกัด ในการนำขยะอันตรายชุมชนไปกำจัดตามหลักสุขาภิบาลต่อไป ภาพข่าว วิศาล///ชลบุรี

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2565

เจ้าหน้าที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่า จับกลุ่มหนุ่มวัย 28 ปี พร้อมซากสัตว์

เจ้าหน้าที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯสนธกำลังเจ้าหน้าสายตรวจส่วนกลาง ตชด.ร้อย ฉก.214 ตำรวจ สภ บัวเชด จับกุมหนุ่มวัย28 พร้อมซากสัตว์ป่าหวงห้าม วันที่ 5 กันยายน 2565 เวลา 11.00 น. นายพินิจ บุญสมบัติ เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าห้วยสำราญ พ.ต.ต.ชรินทร์ เดชฤทธิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บัวเชด นายวิวัฒน์ อาจวาที เจ้าหน้าที่สายตรวจส่วนกลาง ร.ต.อ.ชูชีพ บาลพิทักษ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.ฉก.214 ได้ร่วมกันจับกุมนายมงคล ใจมนต์ อายุ 28 ปี บ้านเลขที่ 106 หมู่ที่ 10 ตำบลบัวเชด อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ พร้อมของกลาง ซากหมู่ป่า น้ำหนัก 24 กิโลกรัม จำนวน 1 ตัว ซากอีเห็นช้างลาย จำนวน 1 ตัว ดินประสิวบรรจุในขวดแก้ว 1 ขวด โคมไฟคาดศีรษะ 1 อัน ค้อน 1 อัน มีดปลายแหลม 1 เล่ม กระเป๋าเป้แบบสะพายหลังสีดำ 1 ใบ และรถจักรยานยนต์ 1 คัน นายมงคล ใจมนต์ ให้การรับสารภาพว่า คนได้เข้าป่าบริเวณด้านทิศตะวันออกบ้านโอทะลัน ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ เพื่อเข้าไปดักจับสัตว์ป่า ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 4 กันยายน 2565 จนกระทั่งเช้าวันที่ 5 กันยายน 2565 สามารถจับสัตว์ป่าได้2ตัว คืออีเห็นและหมู่ป่า จึงนำใส่กระสอบและขี่รถจักรยานยนต์ออกจากป่าเพื่อกลับบ้าน แต่ถูกเจ้าหน้าที่ที่ดักซุ่มรออยู่เข้าทำการตรวจค้น และถูกจับกุมพร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าห้วยสำราญ พร้อมชุดจับกุมจึงได้นำตัวนายมงคล ใจมนต์ พร้อมของกลางส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บัวเชด โดยกล่าวหาว่า ผิด พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พศ.2562 มาตรา 53 วรรคหนึ่ง ฐาน เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 55 วรรคหนึ่ง ฐาน เก็บหา นำออกไป กระทำด้วยประการใดๆให้เป็นอันตรายหรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศหรือความหลากหลายทางชีวภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต ผิด พรบ.เครื่องกระสุนปืนฯ ฐาน ทำเครื่องกระสุนปืนที่ทำด้วยดินปืนมีควันสำหรับใช้เอง โดนไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่โดยผิดกฎหมาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎต่อไป

เทศบาลตำบลสังขะจัดระเบียบทางเท้า

เทศบาลตำบลสังขะ ลงพื้นที่จัดระเบียบทางเท้า หลังได้รับเรื่องร้อนเรียนจากชาวบ้าน ตำรวจ สภ.สังขะ พร้อมร่วมมือจัดระเบียบเพื่อความเรียบร้อยในพื้นที่ตลาดสังขะ นางกิ่งกาญจน์ พัวไพฑูรย์ นายกเทศมนตรีตำบลสังขะ พร้อมคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่เทศกิจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สังขะ ร่วมกันลงพื้นที่บริเวณตลาดสามเหลี่ยมและตลาดสด อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน เรื่องการวางสิ่งของกีดขวางทางเดินบนทางเท้า และเรื่องพ่อค้ารถเร่ที่จอดรถกีดขวางทางเดินรถ ทำให้ประชาชนที่มาซื้อสินค้าไม่มีที่จอดรถและประชาชนทั่วไปไม่สามารถเดินบนทางเท้าได้ เบื้องต้นทางเทศบาลตำบลสังขะ ได้ขอความร่วมมือกับพ่อค้าแม่ค้าและร้านค้าต่างๆ โดยการไม่ตั้งวางสิ่งของบริเวณทางเท้า ฟุตบาท หรือสิ่งของอื่นๆ ที่กีดขวางทางเท้า เพื่อร่วมกันในการจัดระเบียบทางเท้าและฟุตบาทให้ประชาชนเดินสัญจรได้อย่างสะดวกและปลอดภัย โดยสำนักงานเทศบาลตำบลสังขะ ได้มีขั้นตอนดำเนินงานในการจัดระเบียบทางเท้า 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ขอความร่วมมือ ประชาสัมพันธ์ เชิญชวนสร้างจิตสำนึกให้เจ้าของอาคาร เจ้าของร้านค้า ห้างร้าน เคลื่อนย้ายสิ่งของที่กีดขวางทางเท้าออกจากพื้นที่ด้วยตนเอง ระยะที่ 2 ควบคุมบังคับใช้ตามกฎหมาย ในกรณีที่ประชาชนไม่ให้ความร่วมมือโดยการบังคับใช้พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติมถึงฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาใช้ดำเนินการ ระยะที่ 3 สำนักงานเทศบาลตำบลสังขะ ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สังขะ จะเข้ามาบูรณาการดำเนินการจัดระเบียบปรับปรุงทางเท้า ให้สามารถสัญจรได้อย่างปลอดภัย มีภูมิทัศน์ที่เป็นระเบียบร้อยและสวยงาม กรณีที่มีการฝ่าฝืน เป็นความผิดตามกฎหมาย พระราชบัญญัติรักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติมถึงฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 มาตรา17 ห้ามจอดรถยนต์ รถจักรยานยนต์ บนทางเท้า ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท มาตรา 20 ห้ามจำหน่ายสินค้าบนถนนหรือสถานที่สาธารณะ (ขายของริมถนน หรือบนทางเท้า ฟุตบาท) ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท มาตรา 39 ห้ามตั้งวางสิ่งของใดๆ ในที่สาธารณะ (วางกระถางต้นไม้ สิ่งของบนทางเท้า ฟุตบาท) ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท นางกิ่งกาญจน์ พัวไพฑูรย์ กล่าวให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้คณะผู้บริหารเทศบาลตำบลสังขะ ได้ลงพื้นที่มาขอความร่วมมือจากพ่อค้าแม่ค้าและร้านค้าต่างๆ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ขั้นตอนต่อไปจะดำเนินการตีเส้นจราจรสำหรับจอดรถ เพื่อจัดระเบียบในการจอดรถทุกประเภท อีกทั้งการปรับปรุงทางเดินทางเท้า เพื่อให้ประชาชนที่มาซื้อสินค้าสัญจรไปมาอย่างปลอดภัย

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ซ้ำซาก!!เด็กติดในรถตู้จนเสียชีวิต

ซ้ำซาก!! เด็กติดในรถตู้จนเสียชีวิตล่าสุดเกิดขึ้นที่ รร.ดังเมืองพานทอง จ.ชลบุรี แม่ยันเอาเรื่องถึงที่สุด ศูนย์ข่าวศรีราชา- แม่ใจสลาย!! ลูกสาววัย7ขวบติดในรถตู้รับ-ส่งนักเรียนโรงเรียนดังเมืองพานทอง จ.ชลบุรี จนเสียชีวิตข้องใจเด็กติดในรถแต่เช้าไม่มีใครเห็นซ้ำเหตุใดครูประจำรถไม่เช็คชื่อนักเรียนแถมมาหาถึงบ้านไม่พูดความจริง และยังหลอกถามลูกมีโรคประจำตัวหรือไม่ยันเอาเรื่องถึงที่สุดหวั่นลูกถูกทำร้าย ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ ( 30 ส.ค.) พ.ต.ต.ประเสริฐ กุลบุตรดี สว.(สอบสวน) สภ.พานทองได้รับแจ้งมีเหตุเด็กนักเรียนเสียชีวิตภายในรถตู้รับ-ส่งของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลพานทอง และหน่วยกู้ภัยว่างอุทยานพานทอง ลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยที่เกิดเหตุอยู่บริเวณลานจอดรถโรงเรียน และบริเวณด้านหลังเบาะที่หนังคนขับรถตู้รับส่งนักเรียนหมายเลข 3 ยี่ห้อโตโยต้าทะเบียน 1นข 5421 กรุงเทพมหานคร มีร่างของ ด.ญ.เขมนิจ ทองอยู่ หรือน้องจีฮุน อายุ 7 ขวบ นักเรียนชั้น ป.2/2 สภาพนอนเสียชีวิตในลักษณะคว่ำหน้าและมีเลือดไหลออกปาก เนื้อตัวซีด บนเบาะที่นั่งพบกระเป๋าเป้สะพายสีดำและแก้วน้ำดื่มวางอยู่ ขณะที่ครูของโรงเรียนได้ให้ข้อมูลเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทีมแพทย์ ว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนเองได้ปฏิบัติหน้าที่รับนักเรียนลงจากรถตู้จนหมด ก่อนจะให้ครูผู้ทำหน้าทีขับรถนำรถไปจอดที่ลานจอดของโรงเรียน กระทั่งในเวลา 16.00 น.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้เตรียมนำรถมาจอดรอรับนักเรียนเพื่อจะส่งกลับบ้าน แต่เมื่อเปิดประตูรถก็พบ น้องจีฮุน ในสภาพนอนคว่ำหน้าจึงได้ช่วยกันเรียกและเขย่าขาแต่ไม่มีอาการตอบรับจึงตกใจจนทำอะไรไม่ถูก จึงรีบแจ้งครูคนอื่นๆให้ช่วยตรวจสอบซึ่งก็พบว่าน้องไม่หายใจแล้ว ด้าน น.ส.เมทิกา โกศลปลั่งศรี อายุ 31ปี และนายไทยอนันต์ ทองอยู่ อายุ 28 ปีพ่อและแม่ของน้องจีฮุน ที่ได้เดินทางไปดูศพลูกด้วยความโศกเศร้าก่อนจะเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.พานทอง ไว้เป็นหลักฐานเหตุประมาทและความไม่รอบคอบของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจนทำให้ลูกของตนเองเสียชีวิต น.ส.เมทิกา ยังเผยอีกว่าเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านได้มีครูประจำชั้น และครูซึ่งทำหน้าที่ขับรถรับส่ง รวมทั้งครูพี่เลี้ยง เดินทางมาหาตนเองที่บ้านด้วยอาการอ้ำอึ้งโดยไม่ยอมบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ตนเองได้รับทราบ ในทางกลับกันทั้งหมดได้แต่ถามตนเองว่า ลูกสาวมีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่ เมื่อถามไปว่ามีเหตุอะไรเพราะเราเองก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับลูก และกลัวว่าลูกจะถูกทำไม่ดีหรือถูกข่มขืน แต่กลับได้รับคำตอบว่าน้องไม่หายใจแล้วตอนนั้นช็อกและทำอะไรไม่ถูกแต่ครูก็ยังไม่ยอมบอกก็ว่าเกิดอะไรขึ้นจนต้องเค้นกันอยู่นานจนรู้ว่าลูกเสียชีวิตในรถตู้ ทั้งนี้ตนเองติดใจในการเสียชีวิตของลูกเพราะลูกเป็นผู้หญิงและเรียนอยู่ชั้น ป.2แล้ว จึงไม่น่าที่ครูประจำรถจะมองไม่เห็นซึ่งสิ่งที่ติดอยู่ในใจคือสาเหตุการเสียชีวิตที่อาจไม่ใช่การขาดอากาศหายใจแต่เกรงว่าจะเป็นการถูกทำร้ายและทำอะไรไม่ดี จนเกิดการอำพรางศพ ลูกสาวของตนจะต้องไม่ตายฟรีและตนเองจะเดินหน้าสู้เพื่อลูก เพราะที่ผ่านมาได้ยอมที่จะจ่ายค่าเทอมแพงเพื่อให้ลูกได้เรียนสบายและมีรถรับส่งแต่กลับมาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ เผยว่าหลังจากนี้จะได้ส่งศพน้องจีฮุน ไปผ่าพิสูจน์​ที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงก่อนดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2565

แก๊งทวงหนี้โหด!!

_EL9MDWZN7_Xc4yZ/s320/20220829_125646311.jpg"/>
แก๊งทวงหนี้โหด!บุกบ้านทวงหนี้แม่และยายของลูกหนี้เอาสร้อยทองคำหนักหนึ่งบาทและกำไรข้อมือหนักห้าสิบสตางค์ของแม่ไปแล้วยังมาขู่ยายจะมาวัวของยายที่เลี้ยงไว้ไปอีกแม่และยายผวา จะเกิดอันตราย เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.หนองจอก ต. คาละแมะ อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ วันที่ 29 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หลัง ได้รับการร้องทุกข์จาก คุณยายสุบิน อายุ65ปี บ้านเลขที่7/3 ม.7 บ้านนา ตำบลตรึม อ.ศีขรภูมิจ.สุรินทร์  ว่าเมื่อเวลาประมาณ14.30น.  ได้มีนายทุนเงินกู้จำนวน 3 คนมีหญิง 2 คนและชาย 1 คน ตัวผู้ชายอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาหาพร้อมกับแจ้งบอกว่าหลานสาวชื่อนางสาวอภิญญา แสงแก้วเขียว อายุ 28 ปี ซึ่งไปทำงานรับจ้างอยู่ที่  จ.กระบี่  ได้ไปกู้เงินกับนายทุนคนหนึ่งมีบ้านอยู่ที่อำเภอสำโรงทาบ จ.สุรินทร์ โดยนายทุนเงินกู้คนดังกล่าวได้มาทวงหนี้โดยครั้งแรกคุณยายไม่มีเงินให้  เจ้าหนี้บังคับให้ถอดสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทไป ราคา30,000 กว่าบาท  และถัดมาอีก2- 3วัน  เจ้าหนี้คนเดิม ก็กลับมาทวงอีกซึ่งตนเองไม่รู้จะทำอย่างไรเจ้าหนี้คนดังกล่าวบังคับให้ถอดเลสข้อมือไปอีกจำนวน 1 เส้น(หนักห้าสิบสตางค์)  พร้อมกับให้ยายเซ็นต์หนังสือยินยอมสารภาพหนี้ซึ่งตนเองไม่รู้ เรื่อง อย่างไรสามีก็เพิ่งเสียไปได้ประมาณ  3 เดือนกว่า  หลานสาวที่ไปทำงานอยู่ที่   จ.กระบี่  ก็ไม่ทราบว่าไปสร้างหนี้อะไรไว้กับเจ้าหนี้คนดังกล่าว ยายสุบินยังเล่าต่อว่า ล่าสุดเมื่อวันที่28ส.ค.เวลาประมาณ14.30น.เจ้าหนี้คนดังกล่าวกลับมาทวงหนี้กับตนเองอีกตนไม่รู้จะทำอย่างไรโดยเจ้าหนี้คนดังกล่าวได้มาข่มขู่ต่างๆนานาพร้อมกับ ได้ลง Facebook ประจานหลานสาวของตน ให้ตนเซ็นต์หนังสือยินยอมรับสภาพหนี้โดยการให้นำวัวในคอกและรถยนต์ของลูกสาวแต่ใส่ชื่อหลานสาวที่จอดอยู่ในบริเวณบ้านมาค้ำประกัน  ซึ่งตนเองไม่ยอมจนมีนายเพลิน วังสันต์ ซึ่งเป็น อบต.ภายในหมู่บ้านมาพบเข้า  จึงได้สอบถามไปว่าเงินที่หลานยืมพวกคุณไปก็ส่วนของหลาน ยายแกไปเกี่ยวอะไรด้วยประกอบกับพวกคุณที่มากันบุกรุกเข้ามาในบ้านแบบนี้ถือว่าผิดกฏหมาย ด้านลูกสาวของคุณยายสุบิน บอกว่าหลังจากที่พ่อตนเองเสียชีวิตไป  ตนเองก็มาอยู่บ้านกับแม่   ไม่ให้แม่เหงา  ส่วนลูกสาวของตนที่ไปรับจ้างทำงานอยู่ที่ จ.กระบี่ นั้นตนเองได้สอบถามไปแล้วว่าเงินที่ยืมไปก็ส่งดอกให้เป็นประจำทุกสิ้นเดือนและมาเจอสภาพเศรษฐกิจแบบนี้และสถานการณ์โควิด ลูกสาวตนเองไม่มีงานทำจึงหาเงินส่งดอกไม่ทันจนกระทั่งมีเจ้าหนี้มาทวงถามที่บ้านและข่มขู่แม่ของตนเอง โดยก่อนหน้านี้ก็ได้สร้อยคอทองคำไปแล้ว และเลสข้อมือ ของแม่ไป ยังมาบังคับให้แม่เซ็นต์รับสารภาพหนี้เพื่อที่จะนำวัวในคอกไปอีกและรถที่จอดไว้ก็เป็นของตนเองที่ไปชื้อออกมา ยังมาบังคับที่จะยึดเอาอีกตนเองก็เลยไม่มีที่พึ่งและเกรงว่าจะเกิดอันตราย  จึงได้เดินทางมาแจ้งความเอาไว้เป็นหลักฐานที่สภ.หนองจอก ต.คาละแมะ  อ.ศีขรภูมิ และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด  คุณยายสุบิน บอกอีกว่า ตนเองถูกหวย 3 ตัวได้เงินมาจำนวนสองหมื่นบาทและนำเงินดังกล่าวไปซื้อวัวไว้เลื้ยงให้หลานเพื่อเป็นทุนการศึกษาของหลานแต่เจ้าหนี้จะมายึดไป  ตนเองจึงไม่ยอมและพร้อมที่จะสู้ให้ถึงที่สุด  ถ้าเจ้าหนี้คนนี้มานำวัวออกจากคอกไป

รวมพลังสตรีสังขะ

กรรมการพัฒนาสตรีอำเภอสังขะจัดงาน “รวมพลังสตรีสังขะ” เทิดไท้องค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 สิงหาคม 2565 ที่หอประชุมอำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ นายธาตรี สิริรุ่งวนิช นายอำเภอสังขะ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน โครงการรวมพลังสตรีสังขะ เทิดไท้องค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายในงานมีกิจกรรมที่สำคัญ ประกอบด้วย กิจกรรมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พิธีมอบใบประกาศเกียรติคุณแม่ดีศรีหมู่บ้านจำนวน 196 ราย การแสดงเทิดพระคุณแม่จากคณะกรรมการพัฒนาสตรี ทั้ง การจัดแสดงจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มอาชีพสตรีและผลิตภัณฑ์ OTOP นายธาตรี สิริรุ่งวนิช นายอำเภอสังขะ กล่าวให้สัมภาษณ์ว่า เนื่องในโอกาสวันสตรีไทยประจำปี 2565 อำเภอสังขะ คณะกรรมการพัฒนาสตรอำเภอสังขะ ได้จัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้สตรีมีส่วนร่วมในกิจกรรมทุกๆด้านในสังคม และร่วมกันเสริมสร้างพลังสตรีให้เป็นพลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง และวัฒนธรรมประเพณีอย่างยั่งยืน อีกทั้งเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติแม่ดีศรีหมู่บ้านที่ได้รับการคัดเลือกทั้งสิ้น 196 ราย โดยมีกลุ่มสตรีจากตำบลต่างๆ หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน กลุ่มองค์กร ภาคีเครือข่าย สมาชิกองค์กรสตรีอำเภอสังขะ เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งประมาณ 400 คน ทั้งนี้นางกิ่งกาญจน์ พัวไพฑูรย์ นายกเทศมนตรีตำบลสังขะ ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นคุณแม่ดีเด่น ได้กล่าวว่า ตนเองรู้สึกยินดีและขอขอบพระคุณทุกๆหน่วยงานที่ได้จัดกิจกรรมในครั้งนี้ ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สังคมไทยยอมรับในบทบาทของสตรีมากยิ่งขึ้น และเป็นการสนับสนุนส่งเสริมให้กลุ่มสตรีต่างๆได้พัฒนาศักยภาพของตนเองที่จะก้าวไปสู่ระดับนานาชาติ
มากยิ่งขึ้น

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2565

โครงการทหารพันธุ์ดี

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรการดำเนินงานโครงการทหารพันธุ์ดี กองพันทหารราบที่ ๓ กรมทหารราบที่ ๒๓ ค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๕ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังโครงการทหารพันธุ์ดีกองพันทหารราบที่ ๓ กรมทหารราบที่ ๒๓ และส่งเปิดศูนย์ผลิตพันธุ์ปลาน้ำจืดพระราชทาน "เพื่อนช่วยเพื่อน" พื้นที่อีสานใต้ ส่วนแยกสุรินทร์ซึ่งศูนย์ดังกล่าวได้รับพระราชทานพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลานิลจิตรลดาจำนวน ๓ ครั้งรวม ๑,๕๐๓ ตัว จากนั้นได้ผลิตพันธุ์ปลานิลจิตรลดา สนับสนุนมูลนิธิชัยพัฒนานำไปพระราชทานให้กับประชาชนจำนวน ๑๙ ครั้ง รวม ๖๑๔,๔๒๐ ตัว โดยจัดให้มีการศึกษาดูงานการเพาะพันธุ์ปลานิล จิตรลดาให้กับกำลังพลและครอบครัวของหน่วย รวมทั้งประชาชน หน่วยทหาร ส่วนราชการ ครอบครัวทหารใหม่ และผู้ที่มีความสนใจเข้าศึกษาดูงาน มีการติดตามผลการดำเนินงานโดยเจ้าหน้าที่ศูนย์ เข้าให้คำปรึกษาแนะนำการเพาะเลี้ยงตามแบบธรรมชาติสร้างเครือข่ายสู่ชุมชน ด้วยการมอบพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ให้กับผู้ที่สนใจจำนวน ๔๑ ครั้ง รวม ๔,๗๐๐ ตัว สำหรับโครงการทหารพันธุ์ดีฯ ได้ดำเนินการกิจกรรมด้านการเกษตรของหน่วยโดยดำเนินการขยายผลการอบรมให้ความรู้ในเรื่องการปลูกผักปลอดภัยให้กับกำลังพล นายทหาร นายสิบ พลทหารกองประจำการ และครอบครัวกำลังพล เยาวชน ประชาชน และหน่วยงานที่มีความสนใจ จำนวน ๒๑ ครั้ง มีผู้ผ่านการอบรมจำนวน ๘๙๖ ราย รวมทั้งการขยายผลเข้าสู่ชุมชนในพื้นที่ปฏิบัติราชการชายแดนด้วยการส่งเสริมให้รู้จักการปลูกผักเพื่อใช้รับประทานภายในครัวเรือนเป็นการลดต้นทุนในการดำเนินชีวิต