srikho tv

ข่าวสาร ทั่วไป และวัฒนธรรมท้องถิ่น ประเพณี

วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2567

มณฑลทหารบก 25 จัดพิธีวันคล้ายวันสถาปนา มณฑลทหารบกที่ 25 ค่ายวีรวัฒน์โยธิน ครบรอบปีที่ 55

 




มณฑลทหารบก 25 จัดพิธีวันคล้ายวันสถาปนา มณฑลทหารบกที่ 25 ค่ายวีรวัฒน์โยธิน ครบรอบปีที่ 55

ที่บริเวณอนุสาวรีย์พลตรีหลวงวีรัชโยธิน อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ พลโท พรชัย มาหลิน แม่ทัพน้อยที่ 2 พร้อมด้วย พลตรี ไชยนคร  กิจคณะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลัยสักการะ และบรวงสรวง อนุสาวรีย์พลตรีหลวงวีรวัฒน์โยธิน เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาหน่วยมณฑลทหารบกที่ 25 ค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดสุรินทร์



 จากนั้น พลโท พรชัย  มาหลิน แม่ทัพน้อยที่ 2 ได้เป็นประธานในพิธีสงฆ์ ทำบุญเนื่องในวันสถาปนาหน่วยเพื่อเป็นสิริมงคล ณ ห้องประชุมกองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 โดยมี นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ หัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ภาคเอกชน ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เข้าร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก







 ทั้งนี้จากวีรกรรมอันกล้าหาญของ พล.ต.หลวงวีรวัฒน์โยธิน กองทัพบกจึงได้ขอพระราชทานนามค่ายแห่งนี้ว่า “ค่ายวีรวัฒน์โยธิน” เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2511 เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังระลึกถึงคุณงามความดีอันยิ่งใหญ่ของ พล.ต.หลวงวีรวัฒน์โยธิน ในการปฏิบัติการรบในสงครามมหาเอเชีย












วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2567

พลเอก ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบกลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกองกำลังสุรนารีและอำนวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2568

 




##พลเอก ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกองกำลังสุรนารีและอำนวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2568 


   พลเอก ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกำลังป้องกันชายแดน และอำนวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2568 เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับกำลังพลที่เสียสละปฏิบัติหน้าที่ป้องกันอธิปไตยของชาติ ณ กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี อ.เมือง จ.สุริทร์ โดยมี พลตรี นรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2, พลตรี สมภพ ภาระเวช  ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี, ผู้บังคับหน่วยขึ้นตรง/หน่วยขึ้นควบคุมทางยุทธการ และกำลังพลของกองกำลังสุรนารี ร่วมให้การต้อนรับ  

   ในโอกาสนี้ ได้พบปะกำลัง, อวยพรปีใหม่ และมอบของขวัญปีใหม่เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพลที่เสียสละปฏิบัติหน้าที่ป้องกันอธิปไตยของชาติตามแนวชายแดน จังหวัดบุรีรัมย์, จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดศรีสะเกษ และได้เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ ขอให้ดูแลรักษาความปลอดภัยให้ประชาชน เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนทุกคน 





   สุดท้าย ได้อ่านสารอวยพรปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ของ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการกองทัพบก ความว่า “เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ผมขอส่งความปรารถนาดี และความห่วงใยมายังเพื่อนทหารและตำรวจตระเวนชายแดนทุกท่าน ที่ได้ยึดมั่นในอุดมการณ์ และปฏิบัติการกิจหลักในการป้องกันประเทศได้อย่างดียิ่ง การปฏิบัติการกิจในรอบปีที่ผ่านมาทุกท่านเป็นกำลังสำคัญที่ได้ทุ่มเท เสียสละ  แรงกาย แรงใจ ปกป้องเอกราช อธิปไตย และรักษาดำรงไว้ซึ่งผลประโยชน์ของชาติ ตลอดจนสนับสนุนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนา และแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศชาติ ทำให้ภารกิจทุกด้านสำเร็จลุล่วงเป็นผลดีต่อส่วนรวม อีกทั้งสามารถเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดการยอมรับเชื่อมั่น ศรัทธาในการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพบกที่พร้อมเป็นหลักด้านความมั่นคงให้กับประเทศชาติ ผมขอชื่นชม และขอขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ สำหรับในปีพุทธศักราช 2568 กองทัพบกจะต้องเตรียมการทุกด้าน เพื่อให้พร้อมต่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่อนาคต ในการเป็นกองทัพบกที่มีศักยภาพ ทันสมัย เป็นที่เชื่อมั่นของประชาชน และเป็นหนึ่งในกองทัพบกชั้นนำของภูมิภาค โดยการเตรียมกำลังและการใช้กำลังอย่างประสานสอดคล้องเสริมสร้างความรู้ และทักษะ ให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ ให้มีความเข้าใจแนวทางการปฏิบัติงานทั้งมิติด้านความมั่นคง และมิติด้านการพัฒนา พร้อมกับปรับปรุงแผนปฏิบัติทางทหารให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพแวดล้อม มีการพัฒนาด้านการข่าว การเฝ้าตรวจ และเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน โดยบูรณาการร่วมกับมิตรประเทศ เหล่าทัพ และทุกภาคส่วน เพื่อรองรับภัยคุกคาม  และสถานการณ์ด้านความมั่นคงทุกรูปแบบ ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายอย่างเข้มแข็งควบคู่กับการสร้างความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน โดยน้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มายึดถือปฏิบัติพร้อมแก้ไขในสิ่งผิด และพัฒนาตนเองให้เป็นทหารอาชีพที่มีความแข็งแกร่งทั้งร่างกาย และจิตใจ มีระเบียบ วินัย มีความซื่อสัตย์สุจริต ดำรงตนอยู่บนความไม่ประมาทและคำนึงความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ตลอดจนยึดมั่นในอุดมการณ์ และจุดยืนของกองทัพบก ที่มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนตลอดไป##










วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2567

งานเทศกาลปลาไหล ข้าวใหม่หอมมะลิและงานกาชาดชุมพลบุรี ประจำปี 2567

 


##อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ จัดงานเทศกาลปลาไหล ข้าวใหม่หอมมะลิ และงานกาชาดชุมพลบุรี ประจำปี 2567



วันที่ 21 ธันวาคม 2567 เวลา 16.30 น. นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดงานเทศกาลปลาไหล ข้าวใหม่หอมมะลิ และงานกาชาดชุมพลบุรี ประจำปี 2567 โดยมีนายกษิติเดช ทองชู นายอำเภอชุมพลบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารและสมาชิกสภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คหบดี พ่อค้า และประชาชนชาวอำเภอชุมพลบุรี เข้าร่วมพิธีฯ 






อำเภอชุมพลบุรี ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจังหวัดสุรินทร์ แบ่งการปกครองเป็น 9 ตำบล 124 หมู่บ้าน ประกอบด้วยเทศบาลตำบล 5 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 5 แห่ง พื้นที่แห่งนี้ถูกเรียกขานว่าเป็นดินแดน "ทุ่งกุลาร้องไห้" เป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิ ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสุรินทร์ และประเทศไทยนอกจากนี้สภาพพื้นที่ยังเป็นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำ มีแม่น้ำขนาบทั้งด้านทิศเหนือ คือลำพลับพลา และทิศใต้ คือ แม่น้ำมูล ซึ่งเหมาะสมแก่การทำเกษตรกรรม และการขยายพันธุ์ปลาน้ำจืด โดยเฉพาะปลาไหลธรรมชาติ เมื่อสิ้นฤดูกาลเก็บเกี่ยว เป็นช่วงที่ปลาไหลเจริญเติบโตเหมาะแก่การบริโภคเกษตรกรสามารถจับปลาไหลได้ ในปริมาณมากมีลักษณะตัวโตสีเหลือง ลำตัวถึงโคนหางกลมอวบ ไม่มีกลิ่นคาว เป็นที่นิยมบริโภค ด้วยอัตลักษณ์และทรัพยากรที่ทรงคุณค่าของท้องถิ่นข้างต้น พี่น้องชาวอำเภอ ชุมพลบุรี ได้คิดริเริ่มและร่วมแรงร่วมใจกัน กำหนดให้มีการจัดกิจกรรมงาน "เทศกาลปลาไหล ข้าวใหม่หอมมะลิ"ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2535


โดยกำหนดเป็นงานประจำปีของอำเภอ สำหรับปีนี้จัดเป็นครั้งที่24 กำหนด 5 วัน ตั้งแต่วันที่20 - 24 ธันวาคม 2567 โดยมีกิจกรรม ขบวนแห่ ประกอบด้วย ขบวนปราสาทตกแต่งด้วยเมล็ดข้าวหอมมะลิขบวนวิถีชีวิตท้องถิ่น ขบวนฟ้อนรำ ขบวนวัฒนธรรมประเพณี ขบวนรณรงค์ และ ขบวนแฟนซี, พิธีสู่ขวัญข้าว, การประกวด ได้แก่ การประกวดข้าวหอมมะลิ การประกวดปลาไหล การประกวดอาหารสูตรเด็ดจากปลาไหล ประกวดสำรับอาหาร ประกวดเทพีเมืองปลาไหล การประกวดผ้าไหม การประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง การแข่งขัน ได้แก่ การแข่งขันจับปลาไหล การแข่งขันหุงข้าวแบบโบราณการแข่งขันตำข้าวแบบโบราณ การแข่งขันส้มตำลีลา และกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การแสดงนิทรรศการ การออกร้านของหน่วยงานต่างๆ กิจกรรมรำวงย้อนยุค กิจกรรมเดินแบบผ้าไหม งานราตรีสัมพันธ์ รวมทั้งมีมหรสพตลอดงานทุกคืน##










วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2567

สำนักงาน ป.ป.ท. ร่วม5 หน่วยงาน ขับเคลื่อนและบูรณาการพร้อมพัฒนาศักยภาพหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ

 









##สำนักงาน ป.ป.ท.##

ประธานกรรมการ ป.ป.ท. ร่วมกับ 5 หน่วยงาน ขับเคลื่อนและบูรณาการ พร้อมพัฒนาศักยภาพหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ





วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2567เวลา 08.30 น. นายอำนาจ พวงชมภู ประธานกรรมการ ป.ป.ท. เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายปราบปราม การทุจริตในภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ของ ปปท. เขต 3 และเสวนาทางวิชาการ หัวชัย “การขับเคลื่อนและบูรณาการแนวทางการป้องกันและปราบปรามการทุจริต” ร่วมกับนายวิเชียร จันทรโณทัย กรรมการ ป.ป.ท. นายธันว์ บุณยะตุลานนท์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 6 ช่วยทำงานชั่วคราว ในตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 และนายศิริชัย จันทรังษ์ รองอธิบดี อัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 3 โดยมีเจ้าหน้าที่ ปปท. เขต 3 และบุคลากรในสังกัดหน่วยงาน ด้านการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ รวมทั้งสิ้นประมาณ 70 คน เข้าร่วมฯ ณ โรงแรมบีลีฟโฮเทล ต.นอกเมือง อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์


ประธานกรรมการ ป.ป.ท. กล่าวว่า การทุจริตคอร์รัปชันเป็นปัญหาใหญ่ที่สะสมในสังคมมายาวนาน และ มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จนทำให้เกิดความเสียหายในการดำเนินงานโครงการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ของประชาชน อีกทั้งยังส่งผลให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยขาดความน่าเชื่อถือจากต่างประเทศ สำนักงาน ป.ป.ท. ในฐานะที่เป็นกลไกของรัฐบาลในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริต จึงพร้อมผลักดันขับเคลื่อนและ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการพัฒนาศักยภาพหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายปราบปรามการทุจริต ในภาครัฐ ซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการผสานพลังของการป้องกันการทุจริตควบคู่ไป กับการปราบปรามการทุจริต ดังนั้น เพื่อเป็นการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านคดีให้มีความรวดเร็ มีประสิทธิภาพ สามารถดำเนินการกับผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำการทุจริตได้โดยเร็ว และลดขั้นตอนการทำงานขอ พนักงาน ป.ป.ท. ในการดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงสำนวนคดี จึงเห็นควรจัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติกา ร่วมกันระหว่าง 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 สำนักงานค ปราบปรามการทุจริตภาค 3 สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 8 จังหวัดในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ ปปท เขต 3 สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสุรินทร์และจังหวัดบุรีรัมย์ และ ปปท. เขต 3 ทั้งนี้ เพื่อเป็นเ ให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและบุคลากรจากหน่วยงานที่มีส่วนเกี่วข้อง ได้ประสานความร่วมมือ สร้างควา ความเข้าใจในแนวทางการจัดทำสำนวนไต่สวนข้อเท็จจริง อันจะนำไปสู่การกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญ ในการปฏิบัติงานร่วมกัน และนำมากำหนดเป็นแนวทางในการทำสำนวนไต่สวนข้อเท็จจริงในพื้นที่รับผิดชอบ แ เป็นองค์ความรู้ด้านการดำเนินคดีอาญาทุจริต ต่อไป


นางสาวมนัสนันท์ จร้อจรูญพงษ์ ผอ. ปปท. เขต 3 กล่าวว่า การจัดสัมมนาในครั้งนี้ มีวัตถุประ เพื่อประสานและสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายปราบปรามการทุ ในภาครัฐ สร้างความรู้ความเข้าใจในแนวทางการจัดทำสำนวนคดี ตั้งแต่กระบวนการสืบสวนสอบ การพิจารณาสั่งสำนวนของพนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต จนถึงการพิจารณาพิพากษ ในชั้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ##